เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “#แจ้งข่าว #อาลัยยิ่ง เรียนท่านที่รู้จักและรักใคร่ ต่อนางสาววีรญา บุญชูวงศ์ (หมอต๊ะ) อายุ 25 ปี ซึ่งได้จากไปอย่างสงบแล้ว @@@ ตั้งศพสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศล ทุกคืนตั้งแต่ วันที่ 10- 18 สิงหาคม 2566 ( วันที่ 12 สิงหาคม งดสวด) ณ วัดสารีปุตตาราม (วัดป่าแซง) ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช @@@ กำหนดฌาปนกิจ วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม 2566 ณ ฌาปนสถานวัดสารีปุตตาราม (วัดป่าแซง) ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช จึงเรียนมาเพื่อทุกท่านทราบ” มีผู้เข้าไปแสดงความเสียใจและสอบถามสาเหตุการเสียชีวิตกันจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ ทราบว่า นางสาววีรญา รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่เวชศาสตร์การสื่อสารความหมาย ประจำตึก หู ตา คอจมูก โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านและเพื่อนๆร่วมงานเรียกติดปากว่า “หมอต๊ะ” ก่อนเสียชีวิตวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา มีอาการป่วยเป็นไข้ เข้ารับการตรวจรักษาที่ รพ.ร่อนพิบูลย์ พบว่าเป็นไข้เลือดออก แพทย์ให้นอนรักษาตัวแต่น้องสาว เป็นพยาบาลอยู่ รพ.ปากพนัง เห็นว่าเป็นเตียงเสริม จึงประสานมายัง รพ.พระพรหม อยู่ใกล้บ้านและมีห้องพิเศษรองรับ แพทย์อนุญาตให้ย้ายออกตามความประสงค์ของญาติผู้ป่วย

เมื่อมาถึง รพ.พระพรหม แพทย์ตรวจสอบเอกสาร ประวัติ และผลการตรวจรักษาคนไข้ จึงแนะนำว่าควรเดินทางเข้ารับการรักษาพยาบาลที่หมอต๊ะ ทำงานอยู่ซึ่งมีเครื่องมือพร้อมที่สุด จึงตัดสินใจย้าย เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่นำเข้าห้องฉุกเฉินและอยู่ในห้องฉุกเฉินโดยไม่อนุญาตให้ญาติๆเข้าไป กระทั่งผ่านไป 6 ชั่วโมง เวลาประมาณ 02.00 น.ทราบว่าผู้ป่วยได้รับการตรวจและส่งขึ้นห้องพักคนไข้ ญาติๆ จึงตามขึ้นไปดูพบว่าผู้ป่วยมีอาการหนัก ร่างกายไม่ตอบสนองอะไรแล้ว เครื่องวัดความดัน คลื่นหัวใจหยุดนิ่งทั้งหมด และเสียชีวิตจึงขอรับศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลดังกล่าว

จากการเสียชีวิตดังกล่าว ทางญาติๆผู้เสียชีวิตได้เรียกร้องให้ทางโรงพยาบาล ออกมาชี้แจงรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอย่างละเอียดภายในวันที่ 15 ส.ค. 2566 ก่อนวันกำหนดฌาปนกิจศพในวันที่ 19 ส.ค.2566 โดยทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเนื่องนี้ยังไม่รับปากว่าจะเป็นวันไหน แจ้งว่าต้องรายงานแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบและมีคำสั่งให้ดำเนินการอย่างเป็นทางการต่อไป.

อย่างไรก็ตามการเสียชีวิตจากไข้เลือดออกดังกล่าว ซึ่งผู้เสียชีวิตเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ อีกทั้งมีน้องสาวเป็นพยาบาล จึงสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับผู้คนทั่วไปเป็นอย่างมาก จึงทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องเร่งรณรงค์เตือนภัยไข้เลือดออกไปสู่ประชาชนอย่างต่อเนื่องและจริงจัง