เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “เรื่องจริงนครนายก” ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากนางเอ (นามสมมุติ) แม่ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียน ชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี หลังถูกคนร้ายล่อลวงให้แอดไลน์ปลอมเป็นครูผู้หญิงในโรงเรียน ออกอุบายพูดคุยบังคับให้ถ่ายภาพโป๊เปลือยส่งไปให้ ก่อนภาพดังกล่าวถูกแชร์ว่อนในสื่อโซเชียล จนได้รับความอับอาย เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พบ น.ส.เอ เบื้องต้นเล่าว่า เรื่องเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา มีเพื่อนลูกสาว ชื่อดา ติดต่อลูกสาวทางเฟซบุ๊กมาว่า ครูมะตูม ซึ่งเป็นครูผู้หญิงในโรงเรียนจะคุยด้วย โดยให้แอดไลน์ไปหา พร้อมส่งคิวอาโค้ดไลน์มาให้ลูกสาวตน ซึ่งตอนแรกน้องดา อ้างว่าได้บอกกับครูไปว่า น้องเอ ผู้เสียหายไม่เล่นไลน์ แต่ก็ถูกขู่ว่าทำยังไงก็ได้ให้น้องเอ แอดมาให้ได้ ไม่งั้นจะซวยทั้งคู่ จนน้องดาต้องมาบอกน้องเอ ให้แอดไลน์ครู โดยสอนให้โหลดแอปไลน์ จนสามารถทักไลน์ไปหาคนที่อ้างว่าเป็นครูได้สำเร็จ ซึ่งรูปโปรไฟล์ไลน์ที่ปรากฏ ก็รูปครูมะตูมจริงๆ

น.ส.เอ เผยอีกว่า ทำให้ลูกสาวปักใจเชื่อว่าเป็นครูจริงๆ เนื่องจากไม่เคยเล่นไลน์ จากนั้นบุคคลในไลน์ ให้เด็กรายงานตัวแจ้งชื่อ-นามสกุล อายุ ก่อนถามว่า อยู่บ้านกับใครบ้าง นอนกับใครบ้าง เหมือนเช็กข้อมูลว่าใช่เป้าหมายจริงหรือไม่ เมื่อรายงานตัวเสร็จก็แจ้งว่าจะตรวจร่างกาย โดยให้ถอดเสื้อผ้าด้านบนทั้งหมด และให้ถ่ายรูปส่งให้ ถ้าไม่ส่งให้ตามที่สั่ง จะไล่ออกจากโรงเรียน เชื่อว่าลูกสาวตนกลัวถูกไล่ออก เพราะปักใจเชื่อว่าเป็นครูจริงๆ อีกทั้งเป็นครูผู้หญิง จึงยอมถ่ายส่งกลับไปให้ จากนั้นก็หายไป ไม่ติดต่อมา 2 วัน

น.ส.เอ เล่าว่า จนวันที่ 6 ส.ค. คนร้ายได้ติดต่อกลับมาอีกครั้ง และสั่งให้มีการถ่ายภาพเพิ่มเติม ถ้าหากไม่ยอมทำ จะนำภาพชุดแรกไปโพสต์โซเชียล ด้วยความกลัว จึงถอดเสื้อผ้าถ่ายรูปส่งไปให้อีกครั้ง แต่บังเอิญ ตนเข้ามาเจอพอดี เลยถามว่ากำลังจะทำอะไร ก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด ตนจึงได้สั่งห้าม ไม่ให้ถ่ายส่งไปอีก และบอกว่าแบบนี้คงไม่ใช่ครูแล้ว เมื่อลูกสาวตนไม่ส่งภาพเพิ่มเติมให้ บุคคลในไลน์ได้สร้างบัญชีเฟซบุ๊กอวตาร ใช้ชื่อและภาพลูกสาวตน โพสต์ภาพโป๊ดังกล่าวลงโซเชียล พร้อมข้อความหยาบคาย แล้วส่งกลับมาให้ลูกสาวดูว่า เผยแพร่ออกไปเรียบร้อยแล้ว

น.ส.เอ เล่าว่า ต่อมาเช้าวันที่ 7 ส.ค. ได้พาลูกสาวไปพบครูมะตูม ที่ปรากฏตามรูปโปรไฟล์แชตไลน์ที่โรงเรียน เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งครูยืนยันว่าไม่ใช่ตัวครู และไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ครูจึงพาไปแจ้งความ ที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนจนพบเบาะแสว่า เป็นกลุ่มรุ่นพี่ในโรงเรียน ซึ่งเป็นเด็กหญิงชั้น ม.3 จำนวน 5 คน และ ม.2 อีก 2 คน รวมเป็น 7 คน เป็นคนก่อเหตุ จึงบอกว่าให้ตนรอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ทางโรงเรียน เรียกผู้ปกครองเด็กทั้ง 7 คน มาพูดคุย จากนั้นคดีก็เงียบหายไป จนวันที่ 10 ส.ค.

น.ส.เอ เล่าอีกว่า จึงตัดสินใจพาลูกไปพบ ผอ.ที่โรงเรียน เพื่อติดตามความคืบหน้า แต่ ผอ.ถามกลับว่า “แล้วไลน์นั้นยังทักมาอยู่มั้ยล่ะ ถ้าไม่ทักมาแล้วก็ช่างมันเถอะ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน” ตนจึงได้ถามกลับไปว่า “จะปล่อยให้คดีมันจบแบบเงียบๆ แบบนี้เหรอคะ” ทาง ผอ.ตอบกลับมาว่า “มันเป็นเพียงอากาศ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำแน่ จบๆ ไปเถอะ” จากนั้น ผอ.ได้เห็นลูกตนเงียบๆ ไป คิดว่ามีอาการซึมเศร้า ผอ.จึงบอกกับลูกตนว่า “ไหนยิ้มหน่อยยิ้มแบบเดิมที่หนูเคยยิ้ม” พอลูกตนยิ้มออกมานิดหนึ่ง ผอ.ได้บอกว่า “ไม่เป็นไรเนาะลูกเนาะ ของเราสวยซะอย่าง เขาอยากดูให้เขาดูไปเถอะ” ตนจึงบอกกับ ผอ.กลับไปว่า “ถ้า ผอ.ช่วยไม่ได้ แม่ก็ขอจบเรื่องกับ ผอ.แค่นี้ และจะหาคนช่วยเอง” ซึ่ง ผอ.ก็ถามกลับมาว่า “จะไปให้ใครช่วย” ตนก็ไม่ได้ตอบ

น.ส.เอ เผยว่า จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ส.ค. เวลา 22.00 น. จึงได้ไปขอความช่วยเหลือกับเพจ เรื่องจริงนครนายก ซึ่งเป็นทีมของมูลนิธิองค์กรทำดี ของ ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เพราะเคยติดตามอยู่ตลอดว่า ทางเพจเคยช่วยเคสหลายๆ เคสจนสำเร็จ เมื่อติดต่อไปทางทีมแอดมินเพจ บอกว่าอยู่นอกพื้นที่ จ.นครนายก ทางเพจอาจจะช่วยลำบากหน่อย เพราะคอนแทร็กหน่วยงานต่างๆ ไม่มีเหมือนใน จ.นครนายก แต่รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ผ่านไปคืนเดียว เช้าวันที่ 18 ส.ค. ทางเพจติดต่อกลับมาหา แจ้งว่าช่วงเช้า ดร.บุ๋ม ปนัดดา ได้นำเรื่องเข้าพบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามคดีเรียบร้อยแล้ว และได้มีคำสั่งเร่งด่วนมาที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี ดำเนินการคดีอย่างเต็มที่

แม่เด็กเผยอีกว่า ตอนนี้ลูกสาวสภาวะทางจิตใจย่ำแย่ มีอาการซึมเศร้า ไม่อยากไปโรงเรียน เพราะไปแล้วถูกนักเรียนในโรงเรียนมองแปลกๆ ซึ่งปัญหาดังกล่าว ไม่ได้เกิดกับ ด.ญ.เอ คนเดียว เพราะมีน้องสาวอีกคนอายุห่างกันแค่ 1 ปี หน้าตาเหมือนกันอย่างกับเป็นคู่แฝด ก็ได้รับผลกระทบด้วย เพราะคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนเดียวกันกับภาพโป๊ที่ถูกโพสต์ออกไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีคำสั่งจาก ผบ.ตร. ลงมา ตลอดทั้งวัน (18 ส.ค.) ทางโรงเรียน และตำรวจ พยายามติดต่อแม่เด็ก และมีคำพูดแปลกๆ ถามแม่เด็กว่า ไปร้องเรียนกับใคร ทำให้ตอนนี้คือวุ่นกันไปหมด ซึ่งมีชายอ้างว่าเป็นตำรวจ ติดต่อมาหาแม่เด็กและพยายามจะให้แม่เด็กไปพบที่ สภ.แก่งคอย โดยบอกแม่เด็กว่า รีบมาก่อนที่นักข่าวจะมา แต่แม่เด็กก็ไม่ตอบรับ เนื่องจากได้นัดกับทีมงานเพจเรื่องจริงนครนายก ไว้ก่อนแล้ว เพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ ส่งให้กับ ดร.บุ๋ม ปนัดดา

ต่อมาเวลา 16.00 น. (18 ส.ค.) ทีมเพจเรื่องจริงนครนายก มูลนิธิองค์กรทำดี เข้าพบแม่และเด็กที่บ้าน ระหว่างทำการพูดคุยกันอยู่นั้น ได้มีกลุ่มคนขับรถสีทึบ มากันประมาณ 5 คน มีชาย 3 คน แต่งกายธรรมดาทั่วไป ลักษณะคล้ายตำรวจ และอีก 2 คน อ้างว่าเป็นครูของโรงเรียนเด็กผู้เสียหาย เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน เข้ามารายงานตัวว่าเป็น สารวัตร มาจาก สภ.แก่งคอย จะมาขอสอบปากคำเด็ก โดยบอกกับทีมเพจเรื่องจริงนครนายก มูลนิธิองค์กรทำดี ว่าหากเสร็จธุระแล้ว ขอคุยกับเด็กต่อ โดยไม่ให้ทีมงานอยู่ฟังด้วย ทางทีมจึงถอนตัวกลับออกมา

ต่อมา ทีมเพจเรื่องจริงนครนายก มูลนิธิองค์กรทำดี โทรฯ สอบถามกับแม่เด็ก ว่า เจ้าหน้าที่มาพูดคุยอะไรบ้าง แม่เด็กบอกว่า เจ้าหน้าที่ชุดนี้ไม่ใช่ตำรวจชุดที่เคยสอบปากคำตั้งแต่แรก และมีท่าทีแปลกๆ มีการพยายามสอบถามพูดคุยแต่กับลูกสาว ไม่ยอมคุยกับแม่เด็ก เมื่อพูดคุยเสร็จ ทางชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจบอกว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้แจ้งความนะ แต่เป็นเพียงการลงบันทึกประจำวัน ซึ่งแม่เด็กบอกว่า เข้าใจว่าแจ้งความแล้ว เพราะถูกตำรวจชุดแรกเรียกเข้าห้องสอบสวน จนสามารถสืบจนทราบแล้วว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นมีทั้งหมด 7 คน ใครบ้าง และบอกให้รอก่อนจะเงียบหายไป ขณะที่ครูที่มาด้วย 2 คน พูดว่า มันเป็นเพียงเฟซอวตาร ไม่สามารถตามตัวได้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเด็กกลุ่มดังกล่าวก่อเหตุจริงไม่

จากนั้นชายที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจบอกว่า ต้องรอหน่อยนะ ต้องใช้เวลาในการหาตัวคนก่อเหตุ วันจันทร์ให้แม่เด็กเดินทางไปพบที่ สภ.แก่งคอย เดี๋ยวจะให้ค่าน้ำมัน 2,000 บาท แต่ต้องไปคนเดียว ห้ามบอกใคร ย้ำว่าห้ามบอกใคร แม้แต่คนในครอบครัว แต่แม่เด็กไม่ได้รับปากใดๆ ก่อนกลับ ชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจ บอกให้แม่เด็กแอดไลน์แล้วส่งข้อมูลทั้งหมดที่แม่เด็กมีไปให้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งแม่เด็กก็แปลกใจ เพราะหลักฐานทั้งหมดได้ให้ตำรวจไปแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางไปแจ้งความพร้อมกับครู ทำไมถึงมาขอใหม่ทั้งหมด ทำให้แม่เด็กไม่กล้าส่งอะไรให้ ได้แต่แอดไลน์เท่านั้น และรอปรึกษากับทีมงานของพี่บุ๋ม ปนัดดา เพียงเท่านั้น ก่อนจะดำเนินการใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาทางตำรวจ สภ.แก่งคอย แจ้งต่อ ดร.บุ๋ม ปนัดดา ว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่ ผอ.โรงเรียนไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ เพราะกลัวว่าโรงเรียนจะเสื่อมเสียชื่อเสียง และทาง ผอ.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้ปกครองเด็กที่เสียหาย ได้เข้ามาเจรจากับโรงเรียนและกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งตามรายงานของ สภ.แก่งคอย ที่แจ้งท่าน ผบ.ตร. ว่า คดีดังกล่าวแม่เด็กยังไม่ได้มีการแจ้งความ ซึ่งจะเร่งติดตามผู้ปกครองและเด็กมาชี้แจงขั้นตอนในการดำเนินคดีต่อไป

จากนั้นทีมงาน ดร.บุ๋ม ปนัดดา ได้สอบถามกับแม่เด็กว่า เป็นไปตามรายงานของ สภ.แก่งคอย จริงหรือไม่ แม่เด็กแจ้งว่า ไม่เคยมีการเจรจาหรือพูดคุยใดๆ ทั้งกับ ผอ. หรือฝ่ายผู้ก่อเหตุ มีเพียงแต่เข้าแจ้งความพร้อมกับครูที่ถูกแอบอ้างแล้วจริง เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งได้ใบบันทึกแจ้งความกลับมาด้วย แต่พอมาเรื่องแดง ตำรวจกลับมาบอกว่าเป็นเพียงลงบันทึกประจำวันไว้เฉยๆ ไม่ได้แจ้งดำเนินคดี ซึ่งแม่เด็กก็งง เพราะตั้งแต่วันที่แจ้ง มีการเข้าห้องสอบสวนจนรู้ตัวกลุ่มคนที่ก่อเหตุแล้ว