เมื่อเวลา 19.42 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า ได้ฟังการอภิปรายมา 2 วันเต็ม ยอมรับว่าฟังแล้วรู้สึกหดหู่ใจ เชื่อว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ฝั่งรากลึกในสังคมไทยในเรื่องของการด้อยค่าค่าส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองด้วยกันเอง ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นบริหารราชการแผ่นดิน หรือสถาบันทหารอันทรงเกียรติ แน่นอนว่าทุกองค์กรทุกสถาบันมีทั้งคนดีและคนไม่ดี การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นจุดเริ่มต้นในการช่วยกันเข้ามาแก้ไขปัญหาสะสางทุกเรื่องที่สะสมมานาน ซึ่งเป็นเรื่องของความไม่เข้าใจ เรื่องของช่องว่างระหว่างกัน โดยได้มีการหยิบยกประเด็นของทหารและประชาชนยืนยันว่าภายใต้การนำของตนขอใช้ว่าการพัฒนากองทัพ ความหมายใกล้เคียงกัน ผลลัพธ์ออกมาอาจจะแตกต่างกัน ลดความขัดแย้ง ลดการใช้วาทกรรมที่มีการด้อยค่ากันในสภาฯแห่งนี้

นายเศรษฐา ชี้แจงว่า เมื่อกี้ได้รับฟังการอภิปรายเห็นใบหน้ายิ้มแย้มและหัวเราะกัน บางอย่างอาจเป็นเรื่องจริง บางอย่างรอการพิสูจน์ทราบ แต่วิธีการนำเสนอคำพูดต่างๆ แทนที่จะทำให้บรรยากาศในการทำงานร่วมกันสถาบันทหาร ควบคู่ไปกับการทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นเป็นไปได้ลำบาก ในฐานะผู้นำรัฐบาลมีความเป็นห่วงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นต้องให้เกียรติทางกองทัพและภาคประชาชนได้มีเวลาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการสมัครใจเกณฑ์ทหาร ซึ่งจะค่อยๆลดหลั่นลงไป เพื่อให้ชายไทยทุกคนมีสิทธิ์ในการเลือกประกอบอาชีพอย่างสมศักดิ์ศรี โดยธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของสถาบันทหาร

นายเศรษฐา ชี้แจงต่อว่า ส่วนเรื่องการใช้งบประมาณจัดซื้ออาวุธได้มีการพูดคุยกันว่า จะต้องใช้เท่าที่จำเป็นโดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเปราะบาง ในช่วงที่รัฐบาลต้องการงบประมาณ ไปจัดสรรให้กับภาคส่วนอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า รวมถึงการจัดสรรที่ดินบางส่วนให้กับประชาชนได้ทำกินและใช้ประโยชน์ คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากฝ่ายทหาร

“ขอเวลาหน่อยครับ วันนี้เพิ่งเข้ามา ไม่อยากได้ยินการด้อยค่าของกันและกัน ตื่นกันนิดนึง โตๆ กันแล้ว เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เข้าใจครับ ตระหนักดีครับ” นายเศรษฐา ระบุ

ทำให้นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ลุกขึ้นประท้วงว่า นายกฯใช้ข้อความคำเสียดสี ถ้าเราโตๆ กันแล้ว ท่านเป็นนายกฯ ก็ขออย่าใช้ข้อความเสียดสีกันเลย อภิปรายด้วยเหตุด้วยผล เราพยายามนำเสนอ ดังนั้นถ้านายกฯรู้สึกว่าพวกเราเสียดสี สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคืออย่าเสียดสีพวกเรา

จากนั้นนายเศรษฐา ชี้แจงด้วยว่า ตนไม่ขอออกความเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์บางชนิด แต่ตอนนี้ได้มาแล้ว ตนจะไปตรวจสอบว่ามีความพร้อมและได้ทุกอย่างมาครบหรือไม่ ตามที่ทุกคนได้ให้ข้อสังเกตมา รวมถึงเรื่องเครื่องยนต์ เรือดำน้ำได้มีการพูดคุยกับทหาร และในสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปร่วมการประชุมที่สหรัฐฯ จึงได้ให้กระทรวงการต่างประเทศนัด ประธานาธิบดีหรือตัวแทนระดับสูงของเยอรมัน เพื่อพูดคุยให้ปัญหานี้จบลง ยืนยันว่าเมื่อมีการบริหารจัดการแล้วจะมีการแถลงร่วม ระหว่างรัฐบาลและทหารเพื่อความชัดเจนในอีกครั้ง ส่วนจะมีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่นั้น เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะมีหลักฐานอยู่แล้ว.