เมื่อวันที่ 19 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยการประชุมครั้งนี้ เพื่อหารือขยายผลเส้นทางการเงินของ “กำนันนก” ทั้งหมด 7 หน่วยงาน ประเด็นทำไมได้โครงการกว่า 1,500 โครงการ มูลค่ากว่า 7,000 ล้าน เพื่อจะได้มีการตรวจสอบบนเส้นทางการเงินต่างๆ ว่ามีการโอนไปไหนบ้าง โดยมี พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7 พร้อมด้วยอีก 5 หน่วยงานคือ 1.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน 2.กรมสอบสวนคดีพิเศษ 3.กรมสรรพากร 4.สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5.สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการบูรณาการการตรวจสอบจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำงานเป็นทีมจากหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อเป็นการวางแนวทางประเด็นหลัก คือ เส้นทางทางการเงินของกำนันนก และประเด็นต่อมาที่ประชาชนให้ความสนใจ คือ การฮั้วประมูล ที่มาของการได้โครงการทั้งหมดประมาณ 1,500 โครงการ หรือแม้กระทั่งการเลี่ยงภาษีหรือไม่ การฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งจากนี้ไปจะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การทำงานรัดกุมรอบคอบ จากนั้นจะมีการประชุมสรุปกันอีกครั้งว่าเข้าข่ายความผิดเรื่องอะไรบ้าง ทั้งมาตราการภาษี มาตราการยึดทรัพย์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ซึ่งในวันนี้จะเป็นการเริ่มการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล ซึ่งในแต่ละหน่วยงานที่เข้าประชุมก็จะถือ พ.ร.บ.บังคับใช้กฎหมายต่างๆ เช่น กรมสรรพกร ก็จะถือ พ.ร.บ.เกี่ยวกับภาษี ป.ป.ช. ก็จะถือกฎหมายเกี่ยวกับความผิด ป.ป.ช. ร่ำรวยผิดปกติ หรือ การฮั้วประมูลงาน แม้กระทั่งกรมบัญชีกลาง หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งทุกภาคส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกันหมด พบการกระทำผิดเรื่องหนึ่งก็จะไปเกี่ยวข้องกับอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นการบูรณาการในครั้งนี้ สุดท้ายจะมีบทสรุปเดียวกันที่ชัดเจนและรัดกุม และไม่ได้วางกรอบการทำงานไว้ แต่ทางคณะทำงานจะได้เร่งรัด ดำเนินการให้เร็วที่สุด

โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการมาชัดเจนแล้วว่า ให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็ว ส่วนคดีการยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สว.ศิว นั้น ต้องยอมรับว่าพยานหลักฐานต่างๆ ชัดเจนมากแล้ว มีพยานหลักฐานต่างๆ มากเพียงพอ สามารถเอาผิดกับผู้กระทำผิดได้ชัดเจน ส่วนกรณีมีเจ้าหน้าตำรวจร่วมในวันงานด้วยนั้น ก็คงต้องรอทางกองปราบปรามที่จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในการแจ้งข้อหาใดๆ บ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ