เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก. 3 บก.ป. ในฐานะโฆษกกองบังคับการปราบปราม เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีที่ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ตำรวจทางหลวงที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างงานเลี้ยงในบริษัทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก เนื่องจากรับโอนคดีจากสภ.เมืองนครปฐม มาดำเนินคดีต่อที่ตำรวจสอบสวนกลาง

พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ได้ทำการประชุมเรื่องคดีฆ่าสารวัตรศิว และแจ้งข้อหามาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในงานบ้านกำนันนก ทั้งวันนี้ได้ทำหนังสือ ไปยังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบจังหวัดนครปฐม และทำหนังสือไปที่กรมราชทัณฑ์ เพื่อโอนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 นาย ขณะนี้ฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางพิเศษสมุทรสงคราม เพื่อย้ายมาฝากขังที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ และยืนยันว่าข้อมูลหลักฐานทุกอย่างเป็นการใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน เพราะทำงานร่วมกันกับทุกหน่วยตั้งแต่แรก แต่การทำงานในวันนี้เป็นการเพิ่มเติมในรายละเอียดเพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมบรูณ์ที่สุด

ส่วนเรื่องที่ตัวของผู้ต้องหาทั้ง 6 คนจะฝากขังที่เดียวกับตัวกำนันนกหรือไม่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า เป็นส่วนของราชทัณฑ์ที่ดูแลในเรื่องนี้ ทั้งนี้ต้องหารือกับกรมราชทัณฑ์อีกครั้งหนึ่งถึงแนวทางการฝากขังของผู้ต้องหาว่าจะทำอย่างไร

พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า วานนี้พฐ.เข้าไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติมภายหลังจากกู้เซิร์ฟเวอร์ได้ ซึ่งยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม สำหรับกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุแม้ว่าใน 15 ตัว จะมีกล้อง 2 ตัว บันทึกภาพไว้ได้เพียงถึงเดือนสิงหาคม ส่วนอีกตัวที่เป็นจุดเกิดเหตุบันทึกภาพไว้ได้ถึงเพียงเวลา 10 นาฬิกา แต่ยืนยันว่าตำรวจมีประจักษ์พยานที่จะให้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เข้าข่ายความผิดได้

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 นั้น พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องมีมากกว่า 6 นาย ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งแม้จะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้วก็จะต้องมีหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ และระงับเหตุให้ได้

ทั้งนี้พ.ต.อ.วิวัฒน์ ให้เหตุผลว่าทั้ง 2 คดี ทั้งคดีฆาตกรรม และคดีเอาผิดตำรวจที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น สามารถนำสำนวนมารวมกันได้ เพราะเหตุการณ์ ในวันเกิดเหตุมีหลายกรรมเกี่ยวเนื่องกัน ภายในสัปดาห์หน้า คดีนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่พบความผิด โดยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกตำรวจที่เคยให้การไปแล้วมาให้ปากคำใหม่ แต่ชุดทำงานได้ลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยานคนอื่นเพิ่มว่าขัดแย้งกับคำให้การหรือไม่ โดยหากตำรวจนายใดให้การเท็จหรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที