สำนักงานสอบสวนกลาง NBI และ เจ้าหน้าที่ตำรวจฟินแลนด์ เดินทางเข้าพบอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ DSI เพื่อติดตามความคืบหน้า จากกรณีที่สำนักงานตำรวจกรุงเฮลซิงกิ และสำนักงานสอบสวนกลาง NBI หน่วยรักษาความปลอดภัยชายแดน ร่วมกันสืบสวนสอบสวนจากกรณีที่พบว่ามีการค้ามนุษย์ในบริเวณบริษัทเบอร์รี่แห่งหนึ่งของประเทศฟินแลนด์ จนมีการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ฐานค้ามนุษย์ในเรื่องนี้ ผลการสืบสวนได้เน้นไปที่บริษัทแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของฟินแลนด์ และบริษัทไทยที่ได้รับสมัครคนงานไปเก็บเบอร์รี่ ที่ฟินแลนด์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มของประเทศนอร์ดิก

และในเรื่องนี้ประเทศฟินแลนด์ ถือว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่และสำคัญมาก มีผลกระทบต่อความมั่นคง ความเชื่อมั่นในระดับภูมิภาคยุโรป เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายในกลุ่มของประเทศนอร์ดิกด้วยกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจฟินแลนด์ได้ทำการสืบสวนขยายผลจนพบว่ามีการค้ามนุษย์แรงงานไทยจริงที่มาเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ ในห้วงระหว่างปี 2563 – 2565

จนกระทั่งศาลได้มีคำพิพากษาจำคุกผู้ต้องหาดังกล่าว 2 ราย เป็นซีอีโอบริษัทจัดหาผลไม้เบอร์รี่ทางตอนเหนือของฟินแลนด์ และหญิงสาวชาวไทย ต่อมาสำนักงานสอบสวนกลาง NBI และเจ้าหน้าที่ตำรวจฟินแลนด์ ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI โดยกองคดีการค้ามนุษย์ ได้ทำการสืบสวนและสอบสวนกรณีนี้ จนกระทั่งทราบว่ามีผู้เสียหายมากกว่า 1,000 ราย จากการถูกเรียกเก็บเงินค่าหัวคิว และมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนหลายราย ที่มีการกล่าวหาข้าราชการระดับสูงของประเทศไทย

ในการนี้ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ได้ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุมแจ้งผลการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย และแจ้งความคืบหน้าและผลการดำเนินคดีพิเศษ จากกรณีที่สำนักงานสอบสวนกลาง NBI และอัยการฟินแลนด์ ได้ร้องขอเกี่ยวกับความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งผลการดำเนินการว่า คดีพิเศษดังกล่าวได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง สำนักงาน ป.ป.ช. เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากคดีดังกล่าวมีพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง จึงอยู่ในอำนาจของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่จะทำการไต่สวนก่อน