เมื่อวันที่ 29 ก.ย.รายการโหนกระแส วันนี้พูดคุยกรณี ข้อพิพาทเรื่องผู้เช่าที่วัด กับคุณป้าทนายความตัวแทนของวัด ที่มีข้อพิพาทกันเริ่มจากปัญหาการเช่าช่วงต่อธรณีสงฆ์ แต่วัดไม่เคยได้เงิน ลุกลามมาถึงปัญหายิบย่อย ทิ้งขยะลงคลองน้ำเน่า สุดท้ายร้องกันไปมา จนเกิดการทะเลาะวิวาทตบกัน

คุณน้อย ทนายความที่ได้รับการมอบหมายจากทางวัดธรรมนิมิตต์ ตำบลบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ย้อนความปมปัญหาให้ฟังว่า คนที่มาเช่าที่ดินสงฆ์ของวัด ชื่อคุณวิสิทธิ์ ทำสัญญาเช่าที่วัดตั้งแต่ปี 2551 อายุสัญญา 3 ปี ซึ่งในช่วง 3 ปีแรก เป็นช่วงของเจ้าอาวาสรูปก่อน ถามว่าจ่ายเงินไหมตนไม่รู้ แต่หลังจาก 3 ปีหมดไป ทางวัดไม่เคยได้รับเงินจากเขาเลยสักบาท เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันร่วม 10 ปี ต่อมา คุณวิสิทธิ์ เอาที่ดินสงฆ์ที่อยู่ฟรี ไปปล่อยเช่าช่วงต่อ เอาไปแบ่งล็อก เก็บค่าเช่าจากคนอื่น โดยที่วัดไม่เคยได้รับเงินเลย

คู่กรณีเป็นร้านขายแคปหมู มาเช่าช่วงต่อจากคุณวิสิทธิ์ แต่การเช่าช่วงต่อ เขาสร้างบ้าน สร้างสิ่งปลูกสร้าง แต่ไม่มีบ้านเลขที่ ไม่สามารถขอน้ำขอไฟได้ ทางวัดก็แจ้งว่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ คือให้ทางผู้เช่าไปยกเลิกสัญญาเช่าช่วงกับคนอื่นเสีย แล้วมาเช่าตรงกับทางวัดแทน โดยแต่งตั้งให้คุณน้อยเป็นตัวแทน

ปรากฎว่าช่วงที่คุณน้อยไปแจ้งกับผู้เช่าต่างๆ ใครที่สนใจก็ให้มาติดต่อ แต่ดูเหมือนทำให้มีบางคนเสียผลประโยชน์ เขาก็เลยไม่พอใจตน

ต่อมาบ้านคู่กรณีซึ่งเปิดเป็นร้านทำแคปหมู เขาทิ้งขยะลงในคูคลองหน้าบ้าน จนน้ำเน่าเหม็น สกปรก น้ำเน่ามันไหลไปท่วมบ้านของคุณน้อย ได้รับความเดือดร้อน ทำให้คุณน้อยไปร้องกับทางเทศบาล ทางเทศบาลให้คุณน้อยไปถ่ายภาพหลักฐานมา ปรากฎว่าตอนไปถ่ายกลับถูกคู่กรณีด่าทอ เอาน้ำสาดใส่

ปัญหารุนแรงขึ้นตอนที่ คุณน้อยไปร้องกับนักข่าว จนมีผู้สื่อข่าวท้องถิ่นลงพื้นที่มาเก็บภาพคูน้ำเน่า ซึ่งคุณน้อยเป็นคนเดินพาชี้จุดต่างๆ ปรากฎว่าบ้านของคู่กรณีออกมาเอาเรื่อง และลงมือทำร้ายร่างกายจนคุณน้อยล้มลงไปนอนเจ็บที่พื้น มีคลิปหลักฐาน

ขณะที่คู่กรณีบอกว่า ยอมรับว่าใช้ความรุนแรงจริง แต่ก็โกรธที่คุณน้อยไปร้องเรียนให้เรื่องวุ่นวาย จนมีคำสั่งห้ามพวกตนทำมาหากิน ทำแคปหมูไม่ได้ ขาดรายได้ แล้วเขาก็เหมือนเจตนากลั่นแกล้ง เพื่อให้พวกตนยอมไปจ่ายค่าเช่าให้วัด ทั้งที่ที่ผ่านมาพวกตนไม่ได้จ่ายเงิน คุณวิสิทธิ์ไม่ได้เก็บเงินพวกตนมานานแล้ว

คุณทรายยังบอกอีกว่า เท่าที่ตนทราบมา ทางวัดทั่วไปก็จะช่วยเหลือคนจน ไม่เคยได้ยินวัดไหนมาเก็บค่าเช่ารายเดือน แล้วคนจนจะทำอย่างไร ความยุติธรรมของคนจนอยู่ตรงไหน

ขณะที่ทนายแก้วก็ยืนยันว่า การเรียกเก็บค่าเช่ามันเป็นสิทธิ์ของทางวัด จะเอามาตรฐานวัดอื่นมาเหมารวมไม่ได้

นอกจากนี้ ผู้เช่าตัวแทนของคุณวิสิทธิ์ ยืนยันว่า มีความพยายามที่จะต่อสัญญากับทางวัด รวบรวมเงิน และเอกสารต่างๆ ขึ้นไปคุยกับเจ้าอาวาสแล้ว แต่ทางเจ้าอาวาสตอบกลับมาว่า “อยู่กันฟรีๆ ไม่ชอบหรือ?” ทำให้การเช่าไม่ได้ต่อสัญญา

แต่ทนายแก้ว ให้ความรู้ในทางกฎหมายว่า เมื่อสัญญามันหมดอายุไป และไม่ได้มีการจ่ายค่าเช่า ถือว่าไม่มีสัญญาแล้ว ฝ่ายวัดจะพูดอะไรอย่างไร เป็นเรื่องของทางวัด แต่ทางผู้เช่าจะต้องดำเนินการให้ทำสัญญาถึงจะอยู่ได้

สุดท้ายทางคุณน้อยยืนยันว่า ทางแก้ในเรื่องนี้ ขอให้ผู้เช่าทุกคนมาทำสัญญาโดยตรงกับทางวัดเอง ไม่ต้องไปเช่าช่วงต่อจากคนอื่น แล้วทางวัดจะดำเนินการขอบ้านเลขที่ ขอสาธารณูปโภค น้ำไฟ ให้ตามขั้นตอน

หลังจากการถกเถียงกันอยู่นานร่วมชั่วโมง สุดท้ายได้ช่วยกันไกล่เกลี่ยจนทั้งสองฝ่ายยอมตกลงกันว่า ในส่วนคดีอาญาเรื่องการทำร้ายร่างกายก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนเรื่องการจ่ายค่าเช่าพื้นที่วัด ทางผู้เช่าไปคุยกับวัดโดยตรง วัดจะจัดการดำเนินการ ขอบ้านเลขที่ ขอน้ำ ขอไฟให้หมด เพื่อให้ทุกฝ่ายเดินหน้าต่อไปได้