สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แถลงว่า “อิสราเอลกำลังอยู่ในภาวะสงคราม” พร้อมทั้งประกาศกร้าวว่า “ศัตรูของอิสราเอลต้องเผชิญกับการตอบโต้ระดับรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”


การประกาศดังกล่าวของผู้นำอิสราเอลเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังกลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซา ประกาศเปิดฉากปฏิบัติการ “อัล-อักซอ ฟลัด” ต่ออิสราเอล โดยมีการยิงจรวดอย่างต่อเนื่องมากกว่า 5,000 ลูก มุ่งหน้าไปทางอิสราเอล ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น

ขณะที่เครือข่ายนักรบปาเลสไตน์ ส่งกำลังแทรกซึมจากฉนวนกาซา เข้าสู่พื้นที่ทางใต้ของอิสราเอล เพื่อปฏิบัติการ “ต่อต้านการยึดครอง” ของอิสราเอล


ขณะที่ข้อมูลเบื้องต้นจากกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ว่าการระดมยิงจรวดของกลุ่มฮามาส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 545 คน


ด้านกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) เปิดไซเรนเตือนภัยประชาชนทั่วประเทศ และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซามากกว่า 20 แห่ง โดยยังไม่มีการยืนยันความสูญเสียอย่างเป็นทางการ


สำหรับชนวนเหตุของความขัดแย้งครั้งนี้ มาจากการที่อิสราเอลปิดจุดผ่านแดนในฉนวนกาซานาน 2 สัปดาห์ เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการจลาจลของชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ จนกระทั่งอิสราเอลยินยอมเปิดจุดผ่านแดนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 28 ก.ย. และการที่ตำรวจอิสราเอลตรวจค้นมัสยิดอัล-อักซอ และเขตที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง


ส่วนนางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องนานาชาติร่วมกันแสดงความสนับสนุน และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับอิสราเอล ต่อการที่กลุ่มฮามาสและแนวร่วม เป็นฝ่ายเปิดฉากใช้ความรุนแรงกับอิสราเอลก่อน


นอกจากนี้ ซากิฟเรียกร้องการยุติความรุนแรงทันที พร้อมทั้งแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิต และส่งกำลังใจให้ผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการดีขึ้นในเร็ววัน.

เครดิตภาพ : AFP