เมื่อวันที่ 11 ต.ค. นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผวจ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กำลังตำรวจสืบสวนจากภาค 8 ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และตำรวจตม. สนธิกำลังนำหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขที่ 492/2566 ลงวันที่ 11 ต.ค. 66 บุกเข้าตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 556/401 ซอยสาย 3 หมู่บ้านการเคหะอ้อมค่าย 2 ม.5 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากสืบทราบว่าเป็นแหล่งผลิตอาวุธปืนและลำกล้องปืนหลายชนิด ส่งขายทางออนไลน์ทั่วประเทศ

จากการตรวจค้นพบหลักฐานอุปกรณ์ผลิตอาวุธปืนและแท่นกลึงผลิตลำกล้องอาวุธปืนจำนวนมาก กระจัดกระจายอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยบริเวณหลังบ้านพบลำกล้องอาวุธปืนชนิดต่างๆ วางอยู่จำนวนนับร้อยอัน โดยในห้องพักถูกดัดแปลงเป็นห้องเก็บเสียงอย่างดี นอกจากนี้ยังพบลำกล้องปืนที่มีการดัดแปลงให้เข้ากับอาวุธปืนแบลงค์กันและกระสุนปืนขนาด.38 อีกจำนวนมาก กำลังเตรียมแพ็คส่งไปให้กับลูกค้าทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดหน้าบ้านและรอบบ้านจำนวน 5 ตัวด้วยกัน เพื่อดูความคเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่อีกด้วย

พล.ต.ต.สมชาย กล่าวว่า ตำรวจชุดสืบสวนได้เฝ้าดูติดตามพฤติการณ์ของผู้ต้องสงสัยรายนี้มานานแล้ว คือนายวีระยุทธ พรรณรังสี หรือ “บ่าว เคหะ” อายุ 32 ปี ซึ่งมีพฤติการณ์เรื่องยาเสพติดและอาวุธปืน เคยติดคุกมาก่อนหน้านี้ โดยพบว่านายวีระยุทธ หลังจากพ้นโทษมาแล้ว ได้มาเช่าบ้านหลังดังกล่าวมานาน 2 ปี เพื่อผลิตลำกล้องอาวุธปืนที่ดัดแปลงใส่กับปืนแบลงค์กัน ก่อนนำส่งขายให้กับลูกค้าทางออนไลน์ ซึ่งมีลูกค้าสั่งซื้อลำกล้องอาวุธปืนจากนายวีระยุทธ จำนวนมาก

พล.ต.ต.สมชาย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัตินายวีระยุทธ พบว่า หลังจากไปเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคแค่ 3 เดือนก็ออกจากโรงเรียน แต่ยังมีความสนใจในเรื่องผลิตอาวุธปืน จึงเรียนรู้ทางออนไลน์จนมีความเชี่ยวชาญในการผลิตลำกล้องปืน และสามารถผลิตขายอย่างเป็นลำเป็นสัน หลังจากเกิดเหตุเด็กชายวัย 14 ใช้อาวุธปืนแบลงค์กันกราดยิงที่ห้างพารากอน จนมีผู้เสียชีวิต ทำให้นายวีระยุทธ ไหวตัวทันชิงหลบหนีไปได้เสียก่อนที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้น ซึ่งทางตำรวจจะได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายวีระยุทธ และขยายผลเครือข่ายผลิตลำกล้องอาวุธปืนแก๊งนี้ต่อไป

ด้านนายขจรเกียรติ เปิดเผยว่า การปราบปรามโรงงานผลิตอาวุธปืนเป็นนโยบายของ รมว.มหาดไทย ซึ่งได้สั่งกำชับให้ตรวจค้นและจับกุมอย่างเข้มข้น โดยการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการสนองนโยบายของ รวม.มหาดไทย และจะทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งนโยบายการขอใบอนุญาตมีและพกพาอาวุธปืน ตนจะไม่มีการเซ็นต์ใบอนุญาตให้ใครโดยเด็ดขาด เพื่อสนองนโยบายของรมว.มหาดไทย อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตามในวันเดียวกัน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ได้บินด่วนโดยเฮลิคอปเตอร์ จากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จ.ภูเก็ต เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งขยายผลเครือขายแก๊งผลิตอาวุธปืนดังกล่าว เบื้องต้นทางตำรวจได้มีการนำนายจิระวัฒน์ หรือโจ พรหมการ อายุ 34 ปี คนส่งลำกล้องอาวุธปืนไปทางพัสดุให้กับลูกค้า และนายอนวัช ศรีบัว อายุ 32 ปี คนเปิดบัญชีม้า ไปสอบสวน พร้อมเร่งออกหมายจับนายวีระยุทธ เพื่อมาตามดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.