จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ปีนฝ้าเพดานร้านอาหารญี่ปุ่น ในโครงการพื้นที่ สน.ภาษีเจริญ หนีตายออกมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี อ้างว่าโดนนายจ้างกระทำทารุณกรรมร่างกายนานกว่า 2 ปี จึงได้ติดต่อไปยังเพจสายไหมต้องรอด ช่วยพาเข้าไปพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อเอาผิดฝ่ายนายจ้างรายนี้ ซึ่งจะได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนจะดำเนินการทางกฎหมาย

ซาดิสต์! ลูกจ้างสาวร้อง ถูกนายจ้างทารุณ เอาน้ำร้อนสาด แก๊สเผาปาก-อวัยวะเพศ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ในรายการ “โหนกระแส” โดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้พา น.ส.เอ มาพูดคุยในรายการ โดยมีการยืนยันว่า ถูกกระทำทารุณกรรม และใช้งานหนักจริง แถมกินอาหารได้แค่วันละมื้อ คือ ข้าวกับไข่ ซึ่งทาง หนุ่ม-กรรชัย ได้ถามถึงประเด็นที่ว่า ทำไมถึงไม่ยอมให้อีกฝ่ายกระทำเช่นนี้ ทำไมไม่ยอมออกมาขอความช่วยเหลือแต่แรก ปรากฏว่า น.ส.เอ ได้ให้เหตุผลว่า ที่ทนอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะฝ่ายนายจ้างอ้างว่าสนิทกับตำรวจ รวมทั้งยังขู่ด้วยว่า ถ้าไม่ยอมทำงานให้ ก็จะไปเอาลูกออกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กและทำร้ายลูกเหมือนกับที่ทำร้ายตน

จากนั้น น.ส.เอ ได้เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้ฟังว่า เคยไปทำงานร้านนี้มาตั้งแต่อายุ 15-16 ได้เงินเดือน 9,000 บาท หักค่าที่พักและอื่น ๆ เหลือเพียง 3,000 บาทต่อเดือน ระยะแรกไม่มีปัญหา แต่ต่อมาเกิดเรื่องโดนแจ้งความเอาผิดฐานขโมยวัตถุดิบในร้าน ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 5,000 บาท ทำให้อาแท้ ๆ ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาจ่ายให้ ก่อนจะออกจากงาน ผ่านไป 1 ปี ฝ่ายนายจ้างติดต่อผ่านแฟนหนุ่ม เพื่อตามกลับไปทำงานอีกรอบ ตอนนั้นอายุ 17 ปี ไม่มีรายได้อะไร จึงตัดสินใจกลับไปทำ แต่พอผ่านมาไม่กี่วันหลังจากทำงาน พบว่าตัวเองตั้งครรภ์กับแฟนหนุ่ม พอบอกแฟนที่เป็นพ่อเด็กก็ไม่อยากให้ทำงานต่อ จะขอรับกลับไปดูแลเอง ปรากฏว่านายจ้างกลับไม่พอใจ ไปแจ้งความจับฝ่ายแฟนหนุ่มให้ติดคุกฐานพรากผู้เยาว์ ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับแฟนได้อีก เมื่อคลอดลูกออกมา ฝ่ายนายจ้างไม่ได้ให้ น.ส.เอ เลี้ยงลูก กลับส่งให้มูลนิธิมารับเด็กไปเลย ก่อนจะให้ทำงานต่อ โดยให้ที่พักเป็นห้องครัวของร้าน นอนบนพื้นปูน ไม่มีหมอน ต้องใช้แกลลอนน้ำเอามาหนุนนอน

เหตุการณ์มารุนแรงมากขึ้นตอนต้นปี พอลูกค้าไม่พอใจอาหาร การบริการ นายจ้างก็จะลงมือร้ายร่างกาย ตั้งแต่ใช้ของมีคมเฉาะ ตี จนศีรษะแตก มือแตก กระดูกแตก ใช้ไฟเผาตามร่างกาย ใช้สายยางรัดคอจนสลบ แล้วปลุกขึ้นมารัดต่อ โดนทำทารุณแบบนี้อยู่นานหลายเดือน ทั้งยังโดนให้ร้ายว่า น.ส.เอ เป็นคนชอบโกหก นิสัยไม่ดี ชอบขโมยของ บาดแผลตามร่างกายเกิดจาก “…ทำตัวเองทั้งนั้น…” หนักที่สุดคือถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้า แล้วใช้ไฟเผาอวัยวะเพศ วันที่ตัดสินใจเอาชีวิตรอด เพราะว่า นายจ้างเตรียมเตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ทำโทษ ซึ่งคิดว่าถึงตายแน่ ๆ ตอนนั้นลูกค้ายังไม่ออกจากร้าน มีการกักขังเอาไว้ในห้องเก็บของ บอกว่าเดี๋ยวลูกค้ากลับไปแล้วจะกลับมาทำร้าย จึงตัดสินใจปีนฝ้าหนีออกมา ก่อนจะไปลงที่ร้านอาหารตามสั่งข้าง ๆ วิ่งหนีออกจากซอย จนไปเจอพลเมืองดีชื่อ “คุณฝน” ช่วยเอาไว้

อย่างไรก็ตาม “หนุ่ม-กรรชัย” ได้ต่อสายโทรศัพท์พูดคุยกับ น.ส.บี (นามสมมุติ) นายจ้างสาวในรายการด้วย แต่กลับให้การราวกับหนังคนละม้วน โดยสรุปว่า ฝ่าย น.ส.เอ เป็นคนมาขอร้องให้ช่วยรับทำงานเอง ทางร้านเคยให้ออกไปหลายครั้งเพราะทนพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยไม่ไหว

ด้าน น.ส.บี (นามสมมุติ) เจ้าของร้านคู่กรณี ได้โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า น.ส.เอ เข้ามาสมัครงานตั้งแต่อายุ 16 ปี ตั้งแต่ปี 2561 มีพฤติกรรมลักทรัพย์ ถูกแจ้งความดำเนินคดี แต่ น.ส.เอ ขอชดใช้ แลกกับการไม่ดำเนินคดี ตรงนี้มีบันทึกของตำรวจเป็นหลักฐาน ตอนนั้นก็เลยเลิกจ้างไป ต่อมา น.ส.เอ ขอกลับมาทำงานรอบสอง บอกว่าเขาตั้งครรภ์เพราะถูกข่มขืน ด้วยความสงสารจึงรับกลับมาดูแล แต่พอคลอดออกมากลับไม่ยอมเลี้ยงลูก เจ้าหน้าที่ พม. มาประเมินแล้วเขาเลี้ยงลูกไม่ได้ เขาไม่รักเด็ก เจ้าหน้าที่ต้องรับเด็กไปเลี้ยงแทนเพื่อประโยชน์ของตัวเด็กเอง

เรื่องที่เกิดขึ้นมีลูกจ้างคนอื่นเป็นพยานได้ ว่า น.ส.เอ มีพฤติกรรมไม่ดีหลายเรื่อง ทั้งเสพยาเสพติด มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่เราก็เลือกเก็บเขาไว้ ขณะที่เพื่อนร่วมงานยอมลาออกไป เราเช่าหอให้เขาอยู่ ไม่ได้ให้มาอยู่ในร้าน ที่บอกว่าเราไปทำร้ายร่างกายลักษณะต่าง ๆ ยืนยันว่าไม่เคยกระทำเช่นนั้นแต่อย่างใด โดยเฉพาะประเด็น เครื่องเบิร์นปลาที่ร้านหายไป ก็ยังไปตามเจอว่า น.ส.เอ เป็นคนขโมยไปอีก อ้างว่าละเมอเผลอหยิบไป เหมือนตอนที่ไปขโมยของร้านข้างๆ ก็บอกว่าละเมอหยิบมา ถามไปถามมา ก็ยอมรับว่า เขาขโมยไปจุดบุหรี่

ในส่วนของบาดแผลตามร่างกายที่พบเห็น เป็นเพราะฝ่าย น.ส.เอ ยินยอมให้ผู้ชายที่คบหาทำร้ายเอง เนื่องจากมีรสนิยมทางเพศที่รุนแรง แต่หากใครถามก็จะบอกว่าเป็นฝีมือของผู้ชายที่พบหา พอโทรฯ ไปหาพ่อและอาของ น.ส.เอ อีกฝ่ายก็จะบอกว่า รู้ว่าลูกเขามีนิสัยอย่างไร ติดยาก็ไม่ยอมไปบำบัด ไม่ยอมรักษาตัว พฤติกรรมต่าง ๆ มีพยานในโครงการพบเห็นเยอะมาก ชอบไปพลอดรักผู้ชายเวลากลางคืน ขโมยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของร้านอื่น ขโมยวัตถุดิบในร้าน เอาไปนั่งกินกับผู้ชาย

“หนุ่ม-กรรชัย” ได้ถามว่า “…ทำไมรู้ว่าน้องมีพฤติกรรมแบบนี้ แล้วยังจ้างอยู่อีก?…” ทางฝ่าย น.ส.บี ระบุว่า เขามาขอให้เราช่วยตั้งแต่ตั้งท้อง เขาบอกว่าเขาไม่อยากเสียลูกไป ขอโอกาสเราซ้ำ ๆ เขาบอกว่าเขารักเราเหมือนแม่ เราไล่เขาไปเป็นสิบครั้ง เคยเอาไปฝากกับร้านอื่น แต่เขาก็บอกว่าเขาไม่อยากไปอยู่ที่อื่น เขารักเราเหมือนแม่ เรื่องนี้มาสอบถามจากพยานรอบข้างได้เลย คนที่โครงการจะรู้หมด สิ่งที่เสียใจในวันนี้ คือการที่ตนให้โอกาสดูแลเขา สงสารเขา เขาเคยบอกว่า ไม่ว่าเขาจะเลวกับใคร เขาจะไม่เลวกับเรา แต่วันนี้เขากลับมาทำกับเราแบบนี้

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายรายการ หนุ่ม-กรรชัย ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เมื่อสองฝ่ายพูดข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน ก็ต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องเอาพยานมาว่ากัน เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน โดยจะพา น.ส.เอ ไปตรวจร่างกาย รวมทั้งตรวจหายาเสพติด อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ น.ส.บี เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นและสามี มาออกรายการเพื่อชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยจะให้นำพยานต่าง ๆ มาพูดคุยกันในรายการอีกด้วย.