วันนี้เป็นโอกาสดีที่ “นายกฯเศรษฐา” เปิดโอกาสให้เกียรติ  “กองบรรณาธิการเดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์” ได้สัมภาษณ์พิเศษติดตามความคืบหน้าถึงการปั่นงานของรัฐบาล ที่จะต้องออกมาให้โดนใจประชาชน และตอบโจทย์ประเทศในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยความหวังที่เป็นนายแบก จึงต้องรับบทหนักทำหน้าที่เซลส์แมน ไปเยือนต่างประเทศแบบรัวๆ  2 เดือนกับการทำงานภายใต้วลีเด็ดที่ประกาศไว้ว่า จะเข้ามาทำงานแบบ “ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

โดย “นายกฯเศรษฐา”  เปิดประเด็นกับทีมข่าวเดลินิวส์ ถึงความชัดเจนเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ว่า ผมว่าได้แน่ แต่ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องของเกมการเมือง และเราเองก็มีส่วนที่อธิบายไม่ดี จึงทำให้เกิดผลกระทบ หรือเรื่องที่มาที่ไปว่าทำไมต้องแจกเงินดิจิทัล ผมขอชี้แจงอย่างนี้แล้วกันว่าตลอด 9-10 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเศรษฐกิจไทยเติบโต 1.8% ถือว่าต่ำมาก และมีหนี้สาธารณะกระโดดขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงหนี้ครัวเรือนสูงถึง 7.6% แสดงว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่ไม่แข็งแกร่ง ซึ่งบางคนอาจจะเห็นด้วยและบางคนอาจจะไม่เห็นด้วย

แต่รัฐบาลเห็นว่าเศรษฐกิจไทยต้องกระตุ้นเรื่องเงินดิจิทัล มีอยู่ 3-4 ข้อหลักๆ ซึ่งผมไม่อยากให้เกิดความสับสน คือ เรื่องของที่มาที่ไปของเงิน เพราะหาได้แน่นอน เรื่องระยะทางตามบัตรประชาชน ไม่ว่าจะเป็น 4 กิโลเมตร ตรงนี้จะมีความชัดเจนเกิดขึ้นแน่นอน ผมไม่อยากประกาศเป็นข้อๆ ออกไป อย่างที่บอกผมเชื่อว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่ดีและถ้าทำออกมา แล้วประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี ผมเชื่อว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจให้ประชาชนมีกินมีใช้เราต้องมองมิติตรงนี้ด้วย

“ผมยืนยันว่าเมื่อมีคนท้วงติงมา เราก็รับฟังอยู่ ส่วนระยะเวลาในการใช้ 6 เดือนก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องการให้มีการจับจ่ายใช้สอยเกิดขึ้นในระยะเวลานั้น ผมเชื่อว่าไม่เกิน 1-2 อาทิตย์ จะเกิดความชัดเจน ทั้งนี้ยังมีอีกเรื่องที่มีคนท้วงติงว่า จะแจกทั่วหน้าหรือไม่ แล้วใครจะได้รับเงินนี้บ้าง จะแจกเฉพาะคนรวย อะไรหรือเปล่า ตรงนี้ผมและคณะทำงานก็รับฟังข้อท้วงติงต่างๆ ทั้งจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) ด้วย ซึ่งผมก็เคยบอกแล้วว่าความยากอยู่ที่เกณฑ์การตัดสินว่าคนไหนรวย”

รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลอย่างไร  

มาตรการช่วยเหลือต่างๆ เราได้นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปแล้ว แต่เป็นที่น่าเสียดายและจะเสียใจ และสะเทือนใจพอสมควร ว่า สงครามครั้งนี้รุนแรงมากในรอบหลาย 10 ปี รัฐบาลจึงขอวิงวอนและอ้อนวอนให้กลับมา ไม่มีอะไรคุ้มค่ากับการที่พี่น้องเอาชีวิตไปเสี่ยง ไปเสียชีวิต เพื่อเอารายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัวที่อยู่ที่เมืองไทยตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้า

 ลองคิดดูว่าทำไมเราจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการเงินการคลังที่ดี ไม่ใช่การระมัดระวังทางด้านวินัยเพียงอย่างเดียว แต่นโยบายการเงินการคลังที่ดี คือนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนยกระดับความเป็นอยู่ ทำให้ชีวิตปลอดภัย มีกินมีใช้ไม่ต้องไปเสี่ยงชีวิตอยู่ที่ประเทศอิสราเอล จึงเป็นคำถามว่าทำไมเราจึงจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งก็ขอให้มั่นใจรัฐบาลและถือโอกาสวิงวอนว่าขอให้กลับมาเถอะ รัฐบาลเตรียมเครื่องบินไปรับ เพื่อให้กลับมาได้โดยเร็ว

“ เราพยายามที่จะทำให้เขามีรายได้ถ้ากลับมาเมืองไทยก็เป็นที่น่ายินดี เพราะที่ประเทศอิสราเอลแรงงานไทยไปทำการเกษตร ก็ได้ค่าแรงสูง พอพูดมาถึงตรงนี้ก็เกิดคำถามว่า ค่าแรงพอไหมล่ะ ค่าแรงขั้นต่ำ 10 ปีแล้ว 300 บาท ตอนนี้ขึ้นมา 340 บาท 10 ปีขึ้น 12% ถามว่า อยู่ได้อย่างไรเค้าอยู่ไม่ได้แต่ผมก็เห็นใจผู้ประกอบการ เพราะหากไม่เสริมรายได้ แล้วมีแต่รายจ่ายก็อยู่ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องยกระดับ” นายกฯ กล่าว

เราทำงานหนัก ผมมีโอกาสไปต่างประเทศ สมัยก่อนผมไม่มีโอกาสได้ไป พอไปเอกชนไปด้วย ไปเปิดประตูการค้า นายกฯไปช่วยเจรจาให้ ติดขัดเรื่องไหนที่ทำให้ล่าช้า เราเข้าไปช่วยเพื่อเข้าไปทลายกำแพง ให้เขาเข้ามาและประกาศว่าประเทศไทยเปิดแล้วพร้อมที่จะให้นักลงทุนเข้ามา

@ ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาค่าแรงขึ้น 12% ในรัฐบาลของนายกฯเศรษฐามองว่าค่าแรงของแรงงานไทยขั้นต่ำควรจะขึ้นไปเท่าไหร่

เราจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปเห็นว่า 4 ปีเป็นไปตามที่บอกไว้ว่า เราจะเพิ่มฐานเงินเดือน 25,000 บาท ซึ่งเราเองอยากให้เศรษฐกิจจีดีพีโตเฉลี่ย 5% เพื่อให้ผู้ประกอบการลืมตาอ้าปากได้

ในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์มีแนวทางในการผลักดันหรือไม่ เพราะนายกฯระบุว่าจะให้มีไฮซีซั่นทุกเดือน และเรื่องนี้ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์หรือไม่

เรื่องซอฟต์พาวเวอร์มีคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติอยู่แล้ว และมีรัฐมนตรีหลายกระทรวงอยู่ด้วย ซึ่งซอฟต์พาวเวอร์เป็นเรื่องของหนัง ดนตรีและกีฬา โดยให้สถานเอกอัครราชทูตไทย มารับฟังเพื่อจะได้นำสิ่งเหล่านี้ไปกระจายไปทั่วโลกด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ถือเป็นนโยบาย ส่วนที่บอกให้ทุกฤดูเป็นไฮซีซั่น เพราะในอดีตทุกคนบอกว่าช่วงไตรมาส 4 ต่อไตรมาส 1 เป็นไฮซีซั่น เราจึงเล็งเห็นว่าควรเชิญนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวในทุกฤดู  ขณะเดียวกันในช่วงโลว์ซีซั่นผู้ประกอบการการท่องเที่ยวรายได้ต่ำ เราก็จะสามารถช่วยผู้ประกอบการได้อย่าง เช่น เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลบุญบั้งไฟ และอีกหลายประเพณี หากมีการโปรโมตให้ดี บางประเพณีไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ แต่อยู่ในเมืองรองก็จะช่วยให้ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารดีขึ้นไปด้วย ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

@เรื่องพีเอ็ม 2.5 รัฐบาลมีการวางนโยบาย และหามาตรการแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้วหรือยัง

เราได้มีการคิกออฟมาตรการไปแล้ว และมีการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในหลายมิติ โดยได้มีการพูดคุยกับกระทรวงการคลังในการเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เราพิสูจน์ทราบว่า มีการเผาซาก เพื่อนำเงินส่วนนี้มาทำระบบความรับผิดชอบทางสังคมเชิงบรรษัท (ซีเอสอาร์) ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ต้องทำ เพราะเรายอมไม่ได้ปัญหานี้มันใหญ่และลุกลามและปีหน้าเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวของเรา ซึ่งช่วงไตรมาสแรกเป็นช่วงไฮซีซั่นของจังหวัดเชียงใหม่ ถ้าหากมีปัญหาเหล่านี้ แล้วไปเชิญเขาให้เขามา เขาก็ไม่อยากมา

@ เรื่องการสร้างความปรองดองรัฐบาลจะมีกลไกอะไรเข้ามาหรือไม่ เพราะบางกระแสบอกว่าอยากให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม จะเหมาะสมหรือไม่ในสถานการณ์แบบนี้

ก็ต้องมีการพูดคุยกันว่ากฎหมายนิรโทษกรรมครอบคลุมถึงใครบ้างเพราะมันมีความแตกต่างกันบ้างในความคิด แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ผมเชื่อเรื่องของความปรองดอง แต่ผมเชื่อว่า เป็นเรื่องที่ยาก เพราะทุกวันนี้มีหลายความเห็น เรื่องการพูดจาการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญในช่วงของการหาเสียงมันจบไปแล้ว การต่อว่าต่อขานเอาวาทกรรมมาเพื่อด้อยค่าอีกฝ่าย เป็นเรื่องไม่สมควร และเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดความไม่ปรองดอง

ฉะนั้นเราต้องอาศัยความเข้าใจมองภาพรวมในสังคม การใช้วาจาคำพูดหยาบคายบิดเบือนคำพูด ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากันพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล เรื่องอะไรที่เราทำดีแล้วเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลเราก็ช่วยกันไป ซึ่งตรงนี้ก็มีส่วน ประเทศไทยคนมีก็มีเยอะ คนไม่มีก็ไม่มี เรื่องของการแสดงออกเป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวัง เพราะวันนี้โลกโซเชียลมีเดียมีแพร่กระจายไปมาก.