เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยว่า ปัญหาช้างป่าที่ออกจากเขตป่าอนุรักษ์เพื่อมาหากินและทำลายผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านในตอนนี้ เกิดขึ้นแทบทุกภาคทั่วประเทศ ถือเป็นปัญหาที่เกิดมานานแล้ว แต่ปัจจุบันทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งมีผลมาจากภูมิอากาศที่มีผลต่อสภาพป่า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป จากการรวบรวมข้อมูลในช่วง 3 ปีหลัง พบว่าพฤติกรรมของช้างป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ตอนนี้พยายามที่จะออกจากป่า เพื่อไปหากินผลผลิตของชาวบ้าน

แม้ว่าจะเป็นในช่วงหน้าฝน เนื่องจากสภาพของป่าเกิดการเปลี่ยนแปลง มีความอุดมสมบูรณ์เป็นป่าดิบมากขึ้น ทำให้พืชอาหารป่าของช้างลดลง ประกอบกับพื้นที่ใกล้กับแนวป่า มีการปลูกพืชซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของช้างจำนวนมาก ทั้งอ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง เป็นต้น จึงเป็นสิ่งที่ล่อใจและดึงดูช้างออกมาจากป่า ซึ่งตอนนี้ทางหน่วยงานภาครัฐ ก็เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้เป็นการเร่งด่วน

โดยทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ให้นโยบายแร่งด่วนให้ทุกป่าอนุรักษ์ ได้จัดทำแผนเร่งด่วนในพื้นที่ของตัวเอง ให้มีการวางแผนร่วมกันกับทุกภาคส่วน เพื่อจัดการปัญหาเพื่อให้เดินหน้าไปในแนวทางเดียวกัน ตามแนวทาง 6 หลัก ประกอบด้วย 1.การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า 2.แนวป้องกันช้างป่า 3.ชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าและเครือข่ายชุมชน 4.การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า 5.การจัดการพื้นที่รองรับช้างป่าอย่างยั่งยืน และ 6.การควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิด

โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่แหล่งอาหารที่ยังมีความจำเป็นเป็นอันดับต้นๆ นอกจากนี้ แนวทางในการหาพื้นที่ที่กักบริเวณช้างป่าที่มีพฤติกรรมเกเรไม่ยอมเข้าป่า และออกมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นประจำ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งต้องเร่งสำรวจและดำเนินการเร่งด่วนภายใน 30 วัน

สำหรับช้างป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่มีพฤติกรรมเกเรดื้อรั้น ไม่ยอมกลับเข้าป่านั้น เบื้องต้นเริ่มตรวจสอบพบบ้างแล้ว โดยเฉพาะในฝั่ง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นช้างเดี่ยวตัวผู้ หรือช้างโทน ที่มีพฤติกรรมเป็นสเกาต์หน้า หรือเป็นชุดตรวจสอบหาแหล่งอาหาร ก่อนที่จะกลับไปตามโขลงมาร่วมหากิน ซึ่งกลุ่มนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจข้อมูล และอาจจะต้องใช้การกักบริเวณเข้าช่วยจัดการปัญหาเป็นการเร่งด่วน.