กรณีนายนนทรานุวัฒน์ พรหมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี พานายปรีชา อายุ 42 ปี และ น.ส.ศิริลักษณ์ อายุ 32 ปี สองสามีภรรยา หอบเอกสารหลักฐานเข้าพบนายวัชระ เลิศพงศ์วรพันธ์ ทนายความ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มเครือญาติ 6 คน หลังคาดว่ามีการปลอมลายเซ็นในพินัยกรรมของยายชุ่ม อายุ 79 ปี แม่นายปรีชา และนำที่ดินมรดกบางส่วนไปขาย ได้เงินมากว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีที่ดินอีกเกือบ 100 ไร่ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ถูกแอบอ้างโอนเป็นชื่อเครือญาติ โดยการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนลูกชาย โดยทางผู้เสียหายได้แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีไว้ก่อนหน้านี้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

มรดก 200 ล้าน! หนุ่มลูกคนเดียวติดคุก 6 ปี พ้นโทษมาสมบัติกลับตกไปอยู่กับญาติ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. น.ส.บุญเสริม (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี หลานสาวแท้ๆ ของยายชุ่ม นำเอกสารหลักฐานต่างๆ รวมทั้งโฉนดที่ดินนับ 10 แปลง ของคุณยายชุ่ม มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเปิดเผยอย่างละเอียดว่า ข่าวที่นายปรีชา ให้สัมภาษณ์กับสื่อนั้น ไม่ใช่เรื่องจริงเลย นายปรีชา เป็นเพียงเด็กทารกที่คุณยายชุ่ม ไปขอมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มาเลี้ยงตั้งแต่ยังแบเบาะ โดยเลี้ยงดูอย่างดี แต่นายปรีชา กลับประพฤติตัวไม่ดี ไม่เล่าเรียนหนังสือ ทำตัวเกเร ทุบตีคุณยายชุ่ม กับคุณตา ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก อีกทั้งชอบทำลายข้าวของในบ้านเวลาขอเงินยายชุ่มไม่ได้

น.ส.บุญเสริม กล่าวอีกว่า กระทั่งเมื่อหลายปีที่แล้ว ได้ไปก่อเหตุวิ่งราว โดยใช้ยานพาหนะ เมื่อพ้นโทษออกมาปี 61 ก็ก่อเหตุใช้มีดจี้ข่มขืนจนถูกศาลตัดสินจำคุกอีก พอปี 65 พ้นโทษออกมา ก็มาบังคับให้ทางญาติๆ ของยายชุ่ม ขายโฉนดที่ดิน 11 ไร่ แต่ทุกคนไม่เห็นด้วย เพราะอยากเก็บไว้ เนื่องจากว่าอนาคตราคาที่ดินจะแพงขึ้นมาก แต่นายปรีชา ไม่ยอม ข่มขู่ทุกคนในบ้านว่าจะยิงทิ้งให้หมด แล้วจะเป็นผู้จัดการมรดกเอง ทางญาติกลัว จึงต้องตัดใจขายที่ดินดังกล่าวไป 11 ไร่ ได้เงินมา 11 ล้านบาท แบ่งกันไปคนละ 1 ล้าน 8 แสนบาท

น.ส.บุญเสริม กล่าวว่า หลังจากถลุงเงินจนหมด นายปรีชา ก็มาบอกให้ญาติพี่น้องคุณยายชุ่ม ขายที่ดินย่านถนนรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี อีก โดยนายปรีชาเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง ท่ามกลางเสียงคัดค้านของญาติพี่น้อง แต่นายปรีชากลับโมโหไม่ยอม ข่มขู่เหมือนเดิม คนในครอบครัวกลัวจึงต้องยอม และนายปรีชา เอง เป็นคนพาผู้ซื้อมาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว โดยบอกกับญาติๆ ว่าขายได้ 36 ล้านบาท และนำมาแบ่งให้กับญาติทั้งหมด 4 คน ที่มีชื่ออยู่ในโฉนดคนละ 9 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริง นายปรีชาขายไปถึงราคา 48 ล้านบาท

น.ส.บุญเสริม กล่าวอีกว่า ส่วนที่นายปรีชา บอกว่า พินัยกรรมที่ยายชุ่มเซ็นให้นั้น อาจไม่ใช่ของจริง ตนยืนยันได้เลยว่า พินัยกรรมทำขณะที่คุณยายชุ่มยังมีสติสัมปชัญญะดี มีพยานที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่เชื่อถือได้ สามารถให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ตลอดเวลา โดยก่อนที่ยายชุ่มจะเสียชีวิต ยังได้บอกกับตนซึ่งเป็นหลานสาวคนโต และเป็นผู้จัดการมรดกว่า เสียใจเหนื่อยใจ แล้วก็ผิดหวังมากที่นายปรีชา ทำตัวแบบนี้ ทั้งๆ ที่ขอมาเลี้ยงดูอย่างดีตั้งแต่ยังเป็นทารก ยายชุ่มยังสั่งเสียตนว่า หากขายทรัพย์สินสมบัติแล้ว ใครมีชื่ออยู่ในโฉนดที่ยายทำไว้ให้ ก็จะให้แบ่งเท่าๆ กันหมด ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนายปรีชา ถึงออกมาให้ข่าวที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย ตนไม่ขอฟ้องร้องหรือเอาเรื่องกลับแต่อย่างใด เพียงแต่อยากให้ยุติเรื่องราวลง เพราะความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่ออกมาให้ข่าว