จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 หรือ คดีหมูเถื่อน ได้เข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่แม็คโคร ถนนพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ เนื่องจากสืบสวนสอบสวนขยายผลพบว่าแม็คโครได้มีการรับซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง จำพวกเครื่องในหมูจากผู้ต้องหาของดีเอสไอ คือ นายวิรัช และนายธนกฤต ภูริฉัตร (สองพ่อลูก) กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด WEALTY & HEALTHY FOODS CO.,LTD. จึงต้องตรวจสอบถึงสาเหตุการรับซื้อ และขอให้แม็คโครแสดงเอกสารการรับซื้อขายกับสองพ่อลูก รวมถึงแสดงเอกสารที่สองพ่อลูกใช้ในการเสนอขายสินค้าในห้วงที่ผ่านมา ก่อนหยุดการซื้อขายระหว่างกันในช่วงปี 2565 ภายในระยะเวลากำหนด 30 วันนับตั้งแต่วันเข้าตรวจค้น จึงตรงกับวันที่ 27 ธ.ค. ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายกฎหมายของบริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ สยามแม็คโคร ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน โดยมีการส่งมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในคดี รวมจำนวน 118 รายการ อาทิ เอกสารการซื้อขายชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง ประเภทเครื่องใน เป็นต้น ซึ่งแม็คโครเคยเป็นคู่ค้ากับบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด (บริษัทซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีของดีเอสไอ) รวมถึงฝ่ายกฎหมายของแม็คโครยังได้ให้ปากคำชี้แจงในประเด็นต่างๆ ตามที่พนักงานสอบสวนตั้งประเด็นสงสัย
ด้าน พ.ต.ต.ณฐพล หัวหน้าพนักงานสอบสวน ระบุว่า ภายหลังจากที่ได้มีการสอบปากคำฝ่ายกฎหมายของบริษัทแม็คโครและรับมอบเอกสารทั้งหมด 118 รายการ จากนี้ดีเอสไอจะดำเนินการตรวจสอบเอกสารของบริษัทแม็คโครและบริษัท เว้ลท์ซี่ฯ รวมถึงคำให้การของสองพ่อลูก (นายวิรัชและนายธนกฤต ภูริฉัตร) ก่อนหน้านี้ เพื่อเปรียบเทียบรายละเอียดต่างๆ ว่ามีความสอดคล้องกัน หรือเอกสารต่างๆ ถูกต้องมากน้อยเพียงใด โดยคณะพนักงานสอบสวนต้องขอเวลาในการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดก่อน
เมื่อถามถึงการเตรียมสรุปอีก 2 สำนวนคดีหมูเถื่อนต่อ ป.ป.ช. มีความคืบหน้าอย่างไรบ้างนั้น พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า วันนี้ตนได้มีความเห็นสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐใน 2 หน่วยงาน (กรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์) หลังจากที่มีการสืบสวนสอบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงที่ผ่านมาเราได้มีการสอบปากคำบุคคลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีทั้งพยานปากสำคัญที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานนั้นๆ และตัวแทนบริษัทชิปปิ้งเอกชนจนเห็นความชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่รัฐใน 2 สำนวนนี้มีพฤติการณ์ร่วมกระทำผิดในขบวนการลักลอบนำเข้าตู้หมูเถื่อน 161 ตู้ โดยเฉพาะจากรายคดีพิเศษที่ 101/2566 ซึ่งดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบกับบริษัท กู๊ด วอเตอร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด และรายคดีพิเศษที่ 104/2566 บริษัท อาร์.ที.เอ็นโอเวอร์ซี จำกัด จึงพิจารณาสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 172 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561”
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 สำนวนยังอยู่ระหว่างนำส่งให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดี พิจารณาและมีความเห็นทางคดีตามขั้นตอน จากนั้นในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.) คณะพนักงานสอบสวนจึงจะนำส่งสำนวนให้กับทาง ป.ป.ช. ส่วนสำนวนคดีแรกที่ดีเอสไอได้ส่งให้ ป.ป.ช. ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ย.นั้น ยังคงอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ยังไม่ได้มีการส่งกลับให้ดีเอสไอดำเนินการ
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวด้วยว่า ก่อนสิ้นปี 2566 นี้ดีเอสไอยังคงไม่มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาใดๆ เพิ่มเติม และจะยังไม่มีการเรียกเจ้าหน้าที่รัฐหรือข้าราชการฝ่ายการเมืองมาสอบปากคำใดๆ ส่วนความคืบหน้าการรับเป็นคดีพิเศษเพิ่มเติมในปี 2567 เกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและเนื้อสัตว์เถื่อนอื่นๆ นั้น วานนี้ (26 ธ.ค.) คณะพนักงานสอบสวนได้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษอีก 2 คดี คือ คดีที่เกี่ยวข้องกับตู้หมูเถื่อน จำนวน 2,388 ตู้ ซึ่งเป็นการขยายผลมาจาก 161 ตู้ ส่วนอีกคดีพิเศษจะดำเนินการเกี่ยวกับขบวนการองค์กรอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร (สุกร) ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่กลุ่มใหม่ อาทิ กลุ่มซากสุกรเถื่อน กลุ่มตีนไก่สวมสิทธิ และกลุ่มเนื้อวัวเถื่อน คาดว่ามีมากกว่า 10,000 ตู้ ที่เราต้องตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2564-2566
เพราะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่นี้จะเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่เคยถูกดีเอสไอดำเนินคดีมาก่อน และแม้ว่าตู้ของกลางจะไม่หลงเหลืออยู่ที่ท่าเรือใดๆ เพราะถูกกระจายจำหน่ายไปหมดแล้ว แต่เราก็จะดำเนินการดูในส่วนของเอกสารพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดย้อนหลัง ส่วนพฤติการณ์การสำแดงเท็จของตู้คอนเทเนอร์ทั้ง 10,000 กว่าตู้นี้ ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าการนำเข้าที่ผ่านมามีการสำแดงจากชิ้นส่วนเนื้อสัตว์ เป็นปลาแช่แข็ง กุ้ง หรือแผ่นพลาสติกพอลิเมอร์ เป็นต้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ทั้งนี้ ทั้ง 2 คดีพิเศษดังกล่าวยังอยู่ระหว่างธุรการทางคดีของกรมฯ จะต้องมีการตั้งเลขคดีพิเศษให้เรียบร้อยก่อน คาดว่าในช่วงต้นปี 2567 คณะพนักงานสอบสวนจะเริ่มมีการประชุมคดีเพื่อวางแนวทางการสอบสวนต่อไป
ขณะที่ตัวแทนฝ่ายกฎหมายของบริษัทแม็คโคร กล่าวยืนยันกับผู้สื่อข่าวภายหลังส่งเอกสาร ว่า เราได้ส่งเอกสารครบทุกรายการให้กับทางดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว ส่วนหลังจากนี้จะไม่ได้มีการเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกแล้ว ทั้งนี้ ทางแม็คโครยังคงจะไม่มีการแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ร่วมกับบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด แต่อย่างใด.