จากกรณีผู้ใช้เพจเฟซบุกชื่อ “ฅน เมืองพล” โพสต์ภาพวัวน้อยอายุไม่กี่เดือน ตายอยู่ในทุ่งนา สภาพเนื้อหายไปครึ่งหนึ่ง เหลือด้านหน้ายังมีศีรษะวัว และขาหน้า 2 ข้าง แต่เครื่องในและส่วนท้ายหายไปทั้งหมด พร้อมข้อความระบุว่า “ออกไปดูที่โนนย่าฝ้าย…เจอสภาพนี้! ดูซากแล้ว จากประสบการณ์ไม่ผีปอบก็ต้องเป็นผีกะแน่นอน..ช่วงนี้วัวหายหลายครับ! ผิดปกติระวังกันไว้นะครับ (งานนี้หมอปลาต้องเข้าแล้วครับ)” ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

เตือนระวัง ‘ผีปอบ-ผีกะ’ อาละวาด หลังพบซากวัวครึ่งตัว-เครื่องในหายเกลี้ยง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายวิเชียร ธนาวินทกร อายุ 47 ปี ชาวบ้านหนองแล่น ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น ผู้พบซากวัวคนแรกว่า ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน มาเก็บมะกอกโนนย่าฝ้าย ทางด้านทิศใต้บ้านหนองแล่น ก็พบซากวัวตายเหลือครึ่งตัว โดยไม่มีเครื่องในหัวให้เห็น ซึ่งความเชื่อทางจิตวิญญาณของชาวบ้านและความเชื่อส่วนตัว คาดว่าน่าจะโดนผีปอบ-ผีกะกัดกิน จึงได้โพสต์รูปและระบุข้อความดังกล่าว เพื่อเตือนคนในพื้นที่ให้ป้องกันและระมัดระวังสัตว์เลี้ยงให้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน นายดำรง นาแพง อายุ 64 ปี ชาวบ้านบ้านหนองแวงใน ต.หนองมะเขือ อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเจ้าของวัวที่ตาย ได้เดินทางมาดูซากลูกวัวแล้ว ภายหลังเปิดเผยว่า ซากลูกวัวดังกล่าวเป็นของตนเอง โดยก่อนหน้านี้แม่วัวที่เลี้ยงไว้ตกลูก แล้วตายค้างในท้องเป็นเดือน จนส่งกลิ่นเหม็นเน่า ตนจึงดึงซากลูกวัวออกมา ก่อนเตรียมจะขุดหลุมฝังในตอนเช้า แต่พอมาดูจุดที่ทิ้งไว้ปรากฏว่าซากลูกวัวได้หายไปแล้ว คาดว่าเป็นฝีมือ “ฝูงสุนัขจิ้งจอก” ในพื้นที่ ลากไปกัดกินเครื่องใน ก่อนจะทิ้งไว้ในจุดที่ชาวบ้านมาพบ จากนี้จะนำกลับไปขุดหลุมฝังให้เรียบร้อยต่อไป

ด้าน นางแพงศรี เจริญคุณ กำนันตำบลลอมคอม กล่าวว่า หลังจากเรื่องที่ฮือฮาในพื้นที่ เพราะเป็นความเชื่อของชาวบ้านว่า มีผีปอบผีกะ อาละวาดกัดกินลูกวัว จึงมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กระทั่งพบกับเจ้าของวัว ทำให้ทราบรายละเอียดที่มา ตนจึงแนะนำให้รีบขุดหลุมฝัง เพราะส่งกลิ่นเหม็นและเป็นการทิ้งที่ไม่ถูกสุขลักษณะ จากนั้นจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับต่อไป.