สืบเนื่องจากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การกำกับของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีฯ ได้สั่งการให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นำโดย ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าว ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตำรวจสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี องค์การโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวด์ เรลโรด (O.U.R.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับนำหมายจับศาลอาญาเข้าจับกุมนายโทนี่ (นามสมมุติ) ผู้ต้องหากระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เนื่องจากคดีพิเศษที่ 123/2566 นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 ม.ค. กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ได้รายงานผลการจับกุมนายโทนี่ (นามสมมุติ) ว่า เนื่องจากการดำเนินงานที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและรับข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศเด็กจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตำรวจสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Bundeskriminalamt : BKA) ได้ส่งข้อมูลพร้อมหลักฐานภาพถ่ายและวิดีโอ กรณีมีบุคคลผู้ต้องสงสัย ซึ่งอาจมีการกระทำที่มีลักษณะล่วงละเมิดทางเพศเด็กอย่างต่อเนื่องในราชอาณาจักรไทย และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ลงในดาร์กเว็บแห่งหนึ่งและเผยแพร่ไปในประเทศเยอรมนี โดยข้อมูลการสืบสวนพบว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย/เยอรมัน ปัจจุบันอาศัยอยู่จังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และที่สำคัญผู้ต้องสงสัยในการกระทำความผิดรายนี้คาดว่าได้ล่วงละเมิดบุตรสาวของตนเองด้วย

คณะพนักงานสอบสวน กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ โดยส่วนคดีละเมิดทางเพศเด็ก จึงได้สืบสวนข้อมูลเชิงลึกทั้งทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ในดาร์กเว็บต่างๆ ประกอบข้อมูลอื่นๆ ที่ยากต่อการเข้าถึงของบุคคลทั่วไป รวมทั้งจากดาร์กเว็บเป้าหมาย พบว่านายโทนี่อาศัยอยู่ยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือในประเทศไทย และมีบุตรสาว 1 คนที่เกิดกับหญิงไทย ซึ่งคาดว่าเป็นเด็กที่ถูกล่วงละเมิด ในการนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่องค์การโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวด์ เรลโรด (Operation Underground Railroad : O.U.R) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการสืบสวนอย่างใกล้ชิด ประกอบการวิเคราะห์และเปรียบเทียบพยานหลักฐานต่าง ๆ ทางข้อมูลอินเทอร์เน็ตและข้อมูลภาพนิ่งและวิดีโอการกระทำล่วงละเมิดทางเพศเด็ก (Child Sexual Abuse Material – CSAM) มีหลายจุดบ่งชี้ว่าผู้ต้องสงสัยได้กระทำล่วงละเมิดบุตรสาวจริง ในความผิดฐาน กระทําชําเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทําอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำชำเราแก่บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดา มารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือในความอนุบาลหรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจ, ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสําหรับตนเองหรือผู้อื่นและส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น, นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก ต่อมาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ก) และ (ข) เป็นคดีพิเศษที่ 123/2566 และได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาออกหมายจับนายโทนี่ (นามสมมุติ) ตามที่ได้สืบสวนไว้แล้ว

ต่อมาวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมด้วยนายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าว ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว และคณะพนักงานสอบสวน สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตำรวจสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี องค์การโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวด์ เรลโรด (O.U.R.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าจับกุมนายโทนี่ (นามสมมุติ) ที่บ้านหลังดังกล่าว โดยพบของกลางเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก บรรจุไฟล์ภาพลามกอนาจารเด็ก รวมทั้งมีภาพของผู้เสียหาย ตรงกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตำรวจสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มอบให้ก่อนหน้านี้ โดยสามารถเชื่อมโยงวิเคราะห์เปรียบเทียบการกระทำความผิดในการล่วงละเมิดทางเพศเด็กได้ชัดเจน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิตามกฎหมาย และได้นำตัวส่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนคดีละเมิดทางเพศเด็ก กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เพื่อสอบสวนและนำตัวฝากขัง ณ ศาลอาญา โดยขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ศาลอาญา ไม่อนุมัติปล่อยตัวชั่วคราว และอนุมัติฝากขังครั้งที่ 1

ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุอีกว่า จะดำเนินการขยายผลการจับกุมผู้กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็กในคดีนี้เพิ่มเติม ที่น่าเชื่อว่าจะมีเด็กผู้เสียหายรายอื่นอีก และจะมีการให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนเกี่ยวกับสิทธิของตนเอง เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากภัยทางเพศ เพราะการล่วงละเมิดทางเพศเด็กเป็นปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อเด็กทั้งร่างกายและจิตใจ โดยผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมของเด็กอยู่เสมอ หากพบความผิดปกติควรพูดคุยเพื่อหาข้อเท็จจริง หรือหากประชาชนทราบเบาะแส หรือต้องสงสัยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีละเมิดทางเพศเด็ก สามารถแจ้งข้อมูลมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผ่านทางเว็บไซต์ www.dsi.go.th หรือส่งเป็นหนังสือมาที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือให้ข้อมูลผ่านทางสายด่วน DSI Call Center 1202 (โทร.ฟรี ทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ.