เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ บช.ภ.1 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ .1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1,พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรรมการปกครอง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ในพื้นที่ จ. นครปฐม พร้อมยึดยาเสพติดมูลค่ารวมกว่า 53 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรสันต์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ป.ส. 1 ชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ สืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จนนำไปสู่การจับกุมนักค้ายาเสพติด และทีมลำเลียงยาเสพติดได้จำนวนหลายคดี จนต่อมาตำรวจได้สืบทราบว่า นายยุทธนา หรือต้อม (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี และ นายพิชาญ หรือพลอย (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ทำหน้าที่รับยาเสพติดจากผู้ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ ภาคเหนือ นำส่งต่อให้กับลูกค้า จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้สืบสวนจับกุม จึงบูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความเคลื่อนไหวของนายยุทธนา และ นายพิชาญ

ต่อมาทราบว่า นายยุทธนา และนายพิชาญ ใช้รถมิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน กรุงเทพมหานคร เป็นยานพาหนะมารับยาเสพติดในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงสะกตรอยติดตาจนถึงบริเวณทางหลวงชนบทหมายเลข 3394 หมู่ 13 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ก่อนเข้าแสดงตนตรวจสอบ และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) 1,400,000 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักประมาณ 79 กิโลกรัม และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ยาเค (คีตามีน) 5 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 85 กิโลกรัม

ทั้งนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหา ทั้งสอง กระทำผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไฮซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป

สอบสวนนายยุทธนา เบื้องต้นให้การรับว่าทำหน้าที่ขับรถไปรับและนำยาเสพติดส่งให้ลูกค้าตามที่นายพิชาญ สั่งการ โดยจะได้รับค่าจ้างในการรับ-ส่งยาเสพดิด ครั้งนี้รวมเป็นเงิน 50,000 บาท และจากการตรวจสอบประวัติ ทั้งสอง พบว่า นายยุทธนา เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) และ มีอาวุธปืน และเคไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายพิชาญ เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน มีและเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่ สภ.ตอนตูม จว.นครปฐม

พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ เป็นการยับยั้งการแพร่กระจายของยาเสพติดไปสู่ประชาชนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งยาเสพติดของกลางหากถูกนำออกขายสู่ท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 53,000,000 บาท และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะขยายผลถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ และบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยจะนำมาตรการสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สิน มาใช้ดำเนินการกับบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดต่อไป ทั้งนี้หากพบบุคคล รถต้องสงสัย หรือมีข้อมูลการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อให้ข้อมูลได้ที่สถานีตำรวจที่ท่านสะดวก หรือ สายด่วน 193 เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำข้อไปสืบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป

นายชาดา กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ฝากขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลัง พร้อมกล่าวว่าตำรวจที่ดียังมีอีกมาก ส่วนปัญหายาเสพติดนั้นมีความรุนแรงและถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมกันต่อต้านยาเสพติด อย่ากลัวที่จะแจ้งเบาะแส