เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พบข้อมูลว่ากลุ่มเยาวชนจังหวัดสระแก้วในคดีฆ่าป้าบัวผัน ยังมีคดีฆ่าคนตายอีกว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ได้มีการสรุปคดีที่กลุ่มเยาวชนดังกล่าวก่อเหตุมาทั้งหมด มีทั้งสิ้น 7-8 คดี รวมถึงคดีฆาตกรรมป้าบัวผัน ทั้งคดีฆ่าผู้อื่น ข่มขืน กระทำอนาจาร โดยเราให้ไล่คดีทั้งหมด รวมหลักฐานและสอบพยานทั้งหมด และพบว่าไม่ได้มีแค่เยาวชนกลุ่มนี้ แต่มีผู้ใหญ่ที่ร่วมด้วย รวมถึงขออนุมัติหมายจับคนที่เหลือทั้งหมด ซึ่งพยานหลักฐานในเรื่องดีเอ็นเออาจจะไม่มีแล้ว แต่เราจะใช้วิธีสอบพยาน และหารือกับอัยการในเรื่องของการสอบสวน ทั้งนี้จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เราจะไล่คดีทั้งหมด และจะแจ้งข้อกล่าวหาให้ครบก่อนวันที่ 26 ม.ค.

และนอกจากกลุ่มดังกล่าวแล้ว ยังมีกลุ่มอื่นๆ อีก เช่น กลุ่มน้ำไม่อาบ เราจะไล่ทั้งหมด พฤติกรรมแบบนี้จะไม่ให้มีในจังหวัดสระแก้ว รวมถึงจังหวัดต่างๆ ด้วย เราจะให้จังหวัดสระแก้วเป็นตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการบำบัดและอบรมต่างๆ ตนได้คุยกับอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก ซึ่งเด็กกลุ่มดังกล่าวถือว่าเป็นปัญหาทางสังคม มีพฤติกรรมก้าวร้าว โดยจะแยกเด็กกลุ่มนี้ออกจากกัน ไม่ให้อยู่รวมกัน โดยขั้นตอนการอยู่น่าจะ 3 ปีขึ้นไป แม้เด็กจะไม่ใช้คำว่าจำคุก แต่การให้ไปอยู่สถานพินิจก็เหมือนการจำคุก

เมื่อถามถึงการประกาศเคอร์ฟิวไม่ให้เยาวชนที่จังหวัดสระแก้วออกจากบ้านหลัง 22.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทราบเพียงว่า ผบ.ตร.มีการสั่งการ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด ในส่วนของตนจะดูแลเรื่องการไล่คดีทั้งหมด และสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เยี่ยมบ้านเรือนต่างๆ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ไม่ให้มีการไปข่มขู่พยาน และจะให้แจ้งข้อกล่าวหาพ่อแม่ของเด็กด้วย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับ ผบ.ตร.ให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา เราต้องยอมรับกลุ่มวัยรุ่นมีหลายพื้นที่ ทั้งนนทบุรี สมุทรปราการ ซึ่งผบ.ตร.กำชับทุกพื้นที่ และตนได้กำชับทุกพื้นที่ว่าลักษณะแบบนี้ต้องไม่มี เพราะประชาชนขวัญผวาหมด ตนสั่งให้ค้นบ้านทุกหลังที่เกี่ยวข้อง หาปืนที่ใช้ก่อเหตุให้เจอ รวมถึงให้ตรวจสารเสพติดทั้งหมด ในพื้นที่ต้องกวดขัน ตั้งด่าน ตรวจจักรยานยนต์ ที่ผู้ขับขี่อาจจะมีการดื่มน้ำกระท่อม หรือดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งคิดว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น