กรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีต รมว.แรงงาน พร้อมด้วยกลุ่มเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคพลังประชารัฐ 14 ราย เดินทางไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) 3 ราย ประกอบด้วย อดีตอธิบดีดีเอสไอ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ (คนปัจจุบัน) และ ผอ.กองคดีค้ามนุษย์ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางคดีอาญา รวมถึงข้อหาอีก 7-8 มาตราที่เกี่ยวข้อง เนื่องด้วยเห็นว่าการแถลงข่าวแจกสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 ของดีเอสไอ เป็นการส่งผลให้นายสุชาติและครอบครัวได้รับความเสียหาย แม้ว่าจะไม่มีการเอ่ยชื่อ แต่ได้กล่าวถึงรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นายสุชาติดำรงตำแหน่งอยู่ ทำให้ประชาชนและหลายคนเข้าใจว่าเป็นตนเอง และการที่มายื่นฟ้องในครั้งนี้ถือเป็นการรักษาสิทธิ เพราะเชื่อว่าการที่ดีเอสไอออกมาแถลงเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

‘สุชาติ’ ยื่นฟ้องอธิบดีดีเอสไอกับพวก กลั่นแกล้งคดีหักหัวคิวแรงงานไปฟินแลนด์

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่บริเวณซอยนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง E3/3 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตามที่คณะพนักงานสอบสวนมีมติแจ้งข้อกล่าวหา ตนขอยืนยันว่าทำตามกรอบอำนาจหน้าที่ของกฎหมาย เพราะจุดเริ่มต้นไม่ได้เริ่มจากดีเอสไอ แต่เป็นการขอความร่วมมือจากทางประเทศฟินแลนด์ ซึ่งถ้าดีเอสไอไม่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 ก็จะมีความผิดฐานละเว้นเช่นเดียวกัน ซึ่งดีเอสไอไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือประสงค์ให้ใครได้รับความเสียหาย เพราะเราไม่ได้ประกาศชื่อหรือเปิดเผยชื่อ และตนไม่หนักใจที่ถูกผู้ร้องรายดังกล่าวฟ้องร้องดำเนินคดี

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า ในกรณีที่ทางฝ่ายผู้ร้องระบุถึงการแถลงข่าวของดีเอสไอเมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 โดยระบุว่าดีเอสไอเคยส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ไปแล้วเมื่อเดือน ต.ค. 2566 นั้น ขอชี้แจงว่าเป็นการนำส่งความผิดคนละมาตรา เพื่อให้ความปรากฏแก่ ป.ป.ช. ในขณะเดียวกันเราก็ได้แยกเรื่องไว้สอบสวนเพิ่มเติม คือ เรื่องการค้ามนุษย์ จากนั้นเราได้ข้อมูลจากประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า อัยการสูงสุดจึงมอบหมายให้พนักงานอัยการเข้ามาร่วมดำเนินการ และเมื่อเราพบพยานหลักฐานจึงต้องมีมติแจ้งข้อกล่าวหาและนำส่งให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ตามบทบัญญัติของกฎหมาย ส่วนเรื่องพยานหลักฐานต่างๆ ที่ดีเอสไอและอัยการรวบรวมได้ หรือหลักฐานที่ประเทศฟินแลนด์ส่งให้ ตนไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.

รรท.อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า การที่ดีเอสไออยู่ระหว่างตรวจสอบพฤติการณ์เพิ่มเติมในฐานการค้ามนุษย์ ก็เพราะว่าจะเป็นคนละฐานความผิดจากความผิดเดิมที่ได้แจ้งไป (หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ) ซึ่งอย่างไรในเรื่องของการค้ามนุษย์ หากพบพฤติการณ์จริงก็ต้องนำส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเช่นกัน โดยดีเอสไอมีกรอบระยะเวลาสำหรับดำเนินการในเรื่องนี้ 30 วัน.