เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โชว์ผลงานลูกพญาแร้ง ตัวแรกแห่งผืนป่าห้วยขาแข้ง หลังสูญพันธุ์ไปจากผืนป่าธรรมชาตินานกว่า 32 ปี จากการร่วมมือกันของหลายภาคส่วน ในการนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์พญาแร้ง 1 คู่ เข้ามาที่ผืนป่าห้วยขาแข้ง เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 65 จนได้ลูกพญาแร้งตัวแรกแห่งผืนป่าใหญ่ ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จของการฟื้นฟูพันธุ์พญาแร้ง ในกลับคืนสู่ผืนป่าธรรมชาติแห่งนี้อีกครั้ง

โดย นายเพิ่มศักดิ์ กนิษฐชาต หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เปิดเผยว่า เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าห้วยขาแข้งนั้น มีพื้นที่ประมาณ 170,0000 กว่าไร่ มีและมีสัตว์ป่าอยู่เยอะในพื้นที่ รวมทั้งยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของพญาแร้ง ซึ่งเป็นนกขนาดใหญ่ มีนิสัยกินซากสัตว์เป็นอาหาร เปรียบเสมือนเทศบาลประจำป่า

ด้วยป่าห้วยขาแข้งนั้นมีพื้นที่ติดกับป่าอุ้มผาง ซึ่งมักจะมีกลุ่มคนที่แอบลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่าลงมาถึงลำห้วยขาแข้ง ซึ่งบรรดาพรานป่านั้น ตั้งใจที่จะมาล่าเสือโคร่งโดยตรง และโดยปกติของการล่าก็คือการก่อหรือผูกนั่งร้านบนต้นไม้เพื่อซุ่มยิง แต่เวลาที่ยิงแล้วนั้น หนังของเสือโครงจะชำรุดและขายไม่ได้ราคา จึงใช้วิธีการใส่ยาเบื่อไปใส่ในซากสัตว์ ซึ่งพญาแร้งหรือนกแร้ง มีนิสัยกินซากสัตว์อยู่แล้ว แต่ก่อนที่เสือจะมากินซาก ฝูงพญาแร้งเหล่านี้ก็บินมากินทำให้ล้มตายไปจำนวนมากเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไม่มีใครพบเห็นพญาแร้งในป่าห้วยขาแข้งอีกเลย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535

จากนั้นมาก็เริ่มที่จะนำพญาแร้งกลับมาสู่ผืนป่าห้วยขาแข้งอีกครั้ง จึงเริ่มทำโครงการการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทย เพื่อเป็นต้นแบบในการฟื้นฟูประชากรแร้งในพื้นที่ธรรมชาติ โดยมีการตั้งคณะทำงานซึ่งทางกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ได้ร่วมมือกับองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ รวมถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ทำการฟื้นฟูประชากรพญาแล้งขึ้น โดยตอนนี้กำลังนำพญาแล้งมาผสมพันธุ์กัน และกำลังรอก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งเราได้สร้างกรงเลี้ยงในธรรมชาติ และได้นำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาอยู่ด้วยกัน

และในตอนนี้ เราก็มีข่าวดีก็คือ พญาแร้งคู่นี้ ได้ทำการผสมพันธุ์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพญาแร้งทั้งคู่ได้ใช้เวลาดูใจกันมา 1 ปีกว่าเลยทีเดียว จนในที่สุดก็ได้ไข่ของพญาแร้งออกมา ซึ่งพญาแร้งนั้นจะออกไข่ปีละประมาณ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ฟอง และพญาแร้งนั้นต้องมีอายุอย่างน้อย 10 ปี ถึงจะมีการจับคู่ผสมพันธุ์กันได้

ซึ่งนายเพิ่มศักดิ์ นั้นยังบอกอีกด้วยว่า ตนเองก็เพิ่งเคยเห็นในชั่วชีวิตของตนเองเหมือนกัน ซึ่งยอมรับว่าขาดข้อมูลในเรื่องพญาแร้งมานานมาก ในตอนนี้ เรามีไข่ของพญาแร้งแล้ว ก็จะเริ่มเป็นตัวอ่อนของพญาแร้ง ก็ถือว่าสำเร็จไปทีละขั้นตอน ส่วนขั้นตอนต่อไปก็คือลูกของพญาแร้งนั้นจะเติบโตขึ้น ก่อนที่จะไปถึงขั้นตอนของการปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป เพื่อให้ฝูงพญาแร้งนั้นเพิ่มจำนวนมากขึ้น

ด้าน นายวชิราดล แผลงปัญญา นักวิชาการสวนสัตว์นครราชสีมา องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ ผู้ที่เข้ามาทำโครงการร่วมกับเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง กล่าวว่า หลังจากที่เราได้คู่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์พญาแร้งคู่นี้เข้ามาที่ซับฟ้าผ่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 65 ซึ่งทั้งคู่นั้น ก็สามารถอยู่ในพื้นที่ป่าห้วยขาแข้งได้จริงๆ จนในที่สุดเราก็ได้เห็นลูกพญาแร้งตัวแรกลืมตามาดูโลก เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นแรกของเรา

“โดยต่อจากนี้ ทางทีมงานก็จะได้เข้ามาดูแลในอีกหลายเรื่อง โดยลูกพญาแร้งตัวแรกนั้น อยู่ในขั้นตอนของการอนุบาล ซึ่งจะต้องดูแลตั้งแต่เรื่องอาหาร เรื่องพฤติกรรมการอยู่ในกรงในแต่ละวัน รวมถึงในอนาคต หากปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติแล้วจะอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษาและทำงานกันอย่างจริงจัง โดยความตั้งใจของเรานั้นก็คือ การเพิ่มประชากรฝูงพญาแล้งกลับคืนสู่ผืนป่าห้วยขาแข้งอีกครั้ง และหวังว่าอนาคตข้างหน้า จะมีพญาแร้งทำหน้าที่เป็นสัตว์เทศบาลอีกครั้ง” นายวชิราดล กล่าว.