เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ด้านหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ “แฟรงค์” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในคดีบีบแตรขบวนเสด็จ พร้อมด้วย นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ นักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีพ่นสีกำแพงวัง และมวลชน ได้เดินออกมาจากศาลอาญา รัชดา หลังรอให้ตำรวจเข้ามาจับกุม แต่ยังไม่มีการเข้ามาจับกุมตัว จึงได้ตัดสินใจเดินออกมาบริเวณริมทางเท้าหน้าศาลอาญา เพื่อออกจากเขตอำนาจศาลเพื่อให้ตำรวจเข้ามาแสดงหมายจับ โดยได้มานั่งกันบริเวณหน้าป้ายของศาลอาญา พร้อมกันทั้ง 3 คน พร้อมกับพูดว่า ให้เวลา 15 นาที ถ้าตำรวจไม่มาจับกุม 17.00 น. จะเดินทางกลับบ้าน

จากนั้น 16.50 น. ชุดสืบสวนนครบาล 9 ได้มาแสดงหมายจับพร้อมกับอ่านหมายจับของ สน.ดินแดง เป็นหมายจับของ นางสาวทานตะวัน และนายณัฐนนท์ โดยระบุด้วยว่า ทั้งสองคนมีสิทธิให้การหรือไม่ให้การก็ได้ และมีสิทธิติดต่อทนายความ ติดต่อผู้ไว้วางใจ มีสิทธิรักษาพยาบาลอาการเจ็บป่วย และสามาถให้ผู้ไว้วางใจร่วมเข้าทำการสืบสวนได้

หลังอ่านหมายจับทั้งสองคนเสร็จ ตำรวจสืบสวนนครบาลอีก 1 นาย ได้อ่านหมายจับของ สน.พระราชวัง พร้อมแสดงหมายจับกุม นายนภสินธุ์ หรือ สายน้ำ ในข้อหา ร่วมกันสนับสนุนทำลายโบราณสถานฯ พ่นสีกำแพงวัง ระหว่างนั้น นายสายน้ำ ได้ถามตำรวจกลับว่า หมายจับนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไร ตำรวจนายดังกล่าวตอบว่า เดือน พ.ค.ปี 2566 ทำให้นายสายน้ำ ได้ตั้งคำถามว่า หมายจับตั้งแต่ปี 2566 ทำไมจึงเพิ่งมาจับตนเองตอนนี้ แต่ตำรวจระบุว่า ตนเป็นเพียงชุดจับกุม ซึ่งผู้ต้องหาสามารถใช้สิทธิเรียกร้องให้ตำรวจตรวจสอบได้

จากนั้น นางสาวทานตะวัน ได้พูดอีกครั้งก่อนตำรวจจะคุมตัวไปว่า อย่างที่ตนเองได้เคยตั้งคำถามมาตลอด แต่คำถามที่ถามไป ไม่เคยได้รับคำตอบ แต่ได้รับคำตอบเป็นหมายจับไม่ก็คดี แล้วจะอยู่กับแบบนี้เหรอ หรือจะสร้างพื้นที่ปลอดภัย เพื่อให้มีการถกเถียงและรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และยืนยันย้ำว่า หากมีการจับตนเองเข้าคุกในวันนี้ จะส่งผลใดต่อประชาชนคนอื่น แต่หากมีการถกเถียงกันจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงมากกว่า ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีหลังจากนี้ จะต้องขอปรึกษากับทนายความก่อน

โดยหลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ตำรวจควบคุมฝูงชนหญิงได้นำกำลังประมาณ 3-4 นาย เข้ามาเดินประกบ ตะวัน และ แฟรงค์ เพื่อไปขึ้นรถเดินทางมายัง สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดี ส่วนนายสายน้ำ ตำรวจคุมตัวเพื่อขึ้นรถไปยัง สน.พระราชวัง ก่อนขึ้นรถทั้ง 3 คน กอดกันเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้กำลังใจกัน และมีกลุ่มมวลชนตะโกนเป็นระยะว่า ‘ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยเพื่อนเรา’

เวลา 17.20 น. ตำรวจคุมตัวนางสาวทานตะวัน และแฟรงค์ มาถึงที่ สน.ดินแดง โดยลงรถทั้ง 2 คน ชู 3 นิ้ว จากนั้นคุมตัวเข้าห้องสอบปากคำทันที โดยมีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนกว่า 1 กองร้อยตรึงกำลังบริเวณหน้า สน.ดินแดง เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในพื้นที่บริเวณ สน.ซึ่งมีมวลชนตามมาให้กำลังใจ ทั้ง 2 ผู้ต้องหาด้วย และมีการตะโกนให้กำลังใจตะวันและแฟรงค์เป็นระยะ

จากนั้นทนายความได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหา พร้อมบอกว่า คดีนี้เดิมเป็นคดีลหุโทษที่ตอนแรกออกหมายเรียกไป แล้วแจ้งข้อเลื่อน แต่ไปๆ มาๆ มีการแจ้ง ม.116 จึงมีการออกหมายจับ แล้วจับกุมในวันนี้ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และทนายความอยากประกันตัวในชั้นสอบสวน แต่ทราบว่าจะมีการเอาตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้ ก็จะไปยื่นประกันตัวในชั้นศาล

ทั้งนี้มีรายงานว่าภายหลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย จากบริเวณหน้าป้ายศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกแล้ว พร้อมนำตัวมาที่ สน.ดินแดง เพื่อทำบันทึกจับกุม และสอบปากคำในเบื้องต้น โดยหากเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ตำรวจจะนำตัวทั้ง 3 คน แยกคุมขัง เพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวาย ซึ่งนางสาวทานตะวัน จะไปคุมขังที่ สน.ฉลองกรุง นายณัฐนนท์ ตำรวจจะไปคุมขังที่ สน.ดินแดง ส่วนนายนภสินธุ์ จะพาไปทำบันทึกจับกุมที่ สน.พระราชวัง จากนั้นจะไปคุมขังที่ สน.ทุ่งสองห้อง

สำหรับข้อหาที่ชัดเจนของนางสาวทานตะวัน ถูกจับในความผิด 3 ข้อหา คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 116 ยุยง ปลุกปั่น และก่อความเดือดรำคาญในที่สาธารณะฯ ส่วนนายณัฐนนท์ โดน 5 ข้อหา คือ มาตรา 116 พ.ร.บ.คอมฯ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ บีบแตรฯ โดยไม่มีเหตุอันควร ตาม พ.ร.บ.จราจร และก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะฯ

ขณะที่นายนภสินธุ์ ถูกจับในคดีเก่าเมื่อปี 2566 ในความผิด 2 ข้อหา คือ เป็นผู้สนับสนุน ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาณ และขีดเขียน พ่นสี หรือทำปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนน หรืออยู่ในที่สาธารณะ