เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 ก.พ.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.ไพโรจน์ บุรีรักษ์ ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล ร.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ สนิทไทย รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุม นายธงชัย สาระเดช อายุ 28 ปี หรือแบงค์ เพชรบ้านเอื้อ ชาวนครสวรรค์ ผู้ต้องหาในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำหน่ายซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับได้ขณะขับรถกระบะส่วนตัว พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 รวม 10 กระบอก ในสภาพบรรจุอยู่ในกล่องพัสดุ พร้อมจัดส่ง

การจับกุมครั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการให้ชุดสืบสวนนครบาลเร่งรัดปราบปรามหลังจากมีการนำอาวุธปืนไปก่อเหตุอุกฉกรรจ์ต่างๆ โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทั้งกราดยิงในห้างฯ และช่างกลต่างสถาบัน จึงสืบสวนพบว่านายธงชัย หรือแบงค์ มีพฤติกรรมลักลอบนำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาดต่างๆ ส่งจำหน่ายทั้งประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญซึ่งเป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นในสังคมอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายที่ต้องรีบสืบสวนจับกุมให้ได้โดยเร็ว จึงนำกำลังติดตามจับกุมตัว

สอบสวนนายธงชัย เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าอยู่ระหว่างเรียนคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เดิมทีเป็นช่างซ่อมจักรยานยนต์ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี จึงหันมาเป็นเชฟทำอาหารอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครสวรรค์ ทำอยู่ 1 ปี รู้สึกเบื่อกับงานที่ทำ ต่อมาช่วงประมาณต้นปี 2564 เพื่อนที่รู้จักได้ชักชวนให้ไปเอาปืนไทยประดิษฐ์ในพื้นที่อำเภอพยุหะคีรี ในราคา 4,000 บาท นำมาขายต่อในราคา 6,000 บาท เห็นว่าได้กำไรดีจึงยึดเป็นอาชีพหลักตลอดมา

จนเมื่อช่วงประมาณเดือนตุลาคม 2564 ถูกจับกุม ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” (ครอบครองอาวุธปืนไม่มีทะเบียน) ที่บ้านในโครงการเอื้ออาทรนครสวรรค์ 2 ครั้งนั้นศาลตัดสินลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท (โทษจำคุกรอลงอาญาสองปี) ช่วงนั้นก็เลยหยุดการไปรับปืนมาขายไป จนช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 จึงกลับมาทำอีก จนมาถูกจับกุมในที่สุด เงินที่ได้จากการจำหน่ายอาวุธปืนนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เลี้ยงไก่ หาความสุขใส่ตัวไปวันๆ เบื้องต้นจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.