เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ ซอยสุขุมวิท 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ส. พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 ร่วมเปิดปฏิบัติการ “นานาอุ่นใจ” ทลายเครือข่ายยาเสพติดชาวต่างชาติ

โดยปิดล้อมตรวจค้นร้านค้า สถานบริการ และที่พักย่านนานา ตั้งแต่สุขุมวิทซอย 3-11 และตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อปราบปรามการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในหมู่นักท่องเที่ยวผิวสี และสร้างความสบายใจให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว หลังเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติจำหน่ายยาเสพติดให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยลักษณะจับกลุ่มและส่งยาเสพติดให้กันภายซอยในย่านนานาอย่างโจ่งแจ้ง โดยก่อนหน้านี้ มีนักท่องเที่ยวชาวสวิตเซอร์แลนด์ เสพโคเคนเกินขนาดจนเสียชีวิต 1 ราย

โดยปฏิบัติการดังกล่าว เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 6 คน เป็นชาวแอฟริกันตะวันตก 5 คน และหญิงไทย 1 คน ซึ่งเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย พร้อมของกลางโคเคนน้ำหนักรวม 1.45 กรัม เฮโรอีนน้ำหนักรวม 13.5 กรัม และอายัดทรัพย์สิน เช่น ห้องชุด และรถยนต์ รวมมูลค่ากว่า 4.6 ล้านบาท และวันนี้เป็นปฏิบัติการวันที่ 4 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมอีก 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นหญิงชาวแทนซาเนีย ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า เป็นแก๊งที่ขายโคเคนให้กับนักท่องเที่ยวที่เสพยาเกินขนาดและเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นห้องพักของหญิงรายนี้ จนพบก้อนต้องสงสัยลักษณะคล้ายสบู่ และแพ็กใส่ถุงพลาสติก ซุกซ่อนบนฝ้าเพดานห้องน้ำ เมื่อตรวจด้วยชุดทดสอบยาเสพติด พบว่าเป็นโคเคน 3.8 กรัม จึงยึดไว้เป็นของกลาง

จากการสอบสวนหญิงรายนี้ เบื้องต้นอ้างว่าเข้าประเทศไทยมาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว 6 เดือน และมาขายบริการในย่านนานา ส่วนยาเสพติดที่พบ เป็นของชายผิวสีอีกคนหนึ่ง

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า เส้นทางการลำเลียงโคเคนและเฮโรอีนเหล่านี้ มักจะมาจากประเทศในแถบทวีปอเมริกาใต้ เข้าไปยังไนจีเรีย และเดินทางต่อมายังประเทศแถบตะวันออกกลาง และมายังไทยตามลำดับ ซึ่งคนผิวสีเหล่านี้จะเข้ามาในไทย โดยซุกซ่อนโคเคนหรือเฮโรอีนโดยการกลืนเข้าร่างกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่สนามบินของไทยหากได้รับเบาะแส หรือพบนักท่องเที่ยวต้องสงสัย ก็จะเชิญเข้าเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งจะทำให้เห็นวัตถุที่กลืนเข้าไป และจับกุมได้อยู่เสมอ