เมื่อวันที่ 25 ก.พ. จากกรณีพบศพคนถูกฆาตกรรมเผานั่งยางในบ่อขยะ บ้านหนองดู่ หมู่ 4 ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น โดยในที่เกิดเหตุพบเศษเส้นผมตกอยู่เป็นกระจุกและขดลวดยางรถยนต์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา และจากการส่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากสถาบันนิติวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รพ.ศรีนครินทร์ และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 ขอนแก่น ยืนยันผู้ตายเป็นเพศหญิง อายุไม่เกิน 35 ปี สูงประมาณ 160 ซม. ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 คน คือ น.ส.ไพจิตร คนคิด อายุ 39 ปี หรือ ไก่ ขณะที่ผู้เสียชีวิตคือ น.ส.เบญญาภา ปาณพันธ์ประภา อายุ 47 ปี หรือ เป้ พร้อมรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1กค 4384 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือซัมซุง และโทรศัพท์มือถือแซดทีอี โดยติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านของ น.ส.ไพจิตร ก่อนคุมตัวชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ในจุดที่ตระเวนหายางรถยนต์เก่าในหมู่บ้าน จุดที่ซื้อน้ำมัน และจุดที่เผา ก่อนคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.แวงน้อย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวอีกว่า ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีแกะรอยใกล้จุดเกิดเหตุ พบว่ามีผู้หญิงต่างถิ่นมาพักอาศัยอยู่กับผู้ต้องหาได้หายตัวไปจึงได้เข้าตรวจสอบที่บ้านพักของผู้ต้องหาพบผู้ต้องหาพร้อมรถยนต์อยู่บ้านพัก จึงเชิญตัวมาสอบถามเบื้องต้นให้รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้มาพักอาศัยอยู่ด้วยกันได้ 7 ปี และในวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้พากันเดินทางไปบ้านของผู้ตายที่ จ.สมุทรปราการ หลังรับประทานอาหารเที่ยง น.ส.เบญญาภา ได้ชักกระตุกและหมดสติ น.ส.ไพจิตร ได้เข้าช่วยเหลือ แต่ น.ส.เบญญาภาถึงแก่ความตายจึงได้ห่อศพนำร่าง น.ส.เบญญาภาขึ้นรถเก๋งกลับมาที่ อ.แวงน้อย และในวันที่ 13 ก.พ. ได้ตระเวนหายางรถยนต์เก่าในหมู่บ้านและซื้อน้ำมันเบนซิน 95 จำนวน 1 แกลลอน ราคา 100 บาท ที่ปั๊มน้ำมันริมถนนสายแวงน้อย-ชัยภูมิ จนถึงเวลาประมาณ 16.00 น. ได้ขับรถนำร่างของ น.ส.เบญญาภา มาเผาที่บ่อขยะ

หลังเผาเสร็จผู้ก่อเหตุก็ขับรถกลับบ้าน ก่อนจะมีผู้มาพบศพและเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว ซึ่ง น.ส.ไพจิตร ได้ให้การรับสารภาพพร้อมนำชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานตามเชื่อว่า น.ส.ไพจิตร ได้กระทำผิดจริง จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลจังหวัดพล ก่อนจะเข้าทำการจับกุมตัวในความผิดฐาน ลักทรัพย์หรือรับของโจร ซ่อนเร้น เคลื่อยย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน เนื่องจากทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ