เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 29 ก.พ. ที่จังหวัดนราธิวาส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย หากพัฒนาให้ดี จะเป็นจุดหนึ่งที่สามารถเป็นจุดท่องเที่ยวของชาวโลกได้ด้วย สำหรับด่านศุลกากรที่เบตง มีความคับแคบจะต้องมีการพัฒนาต่อไป นอกจากนี้ ตนยังได้ไปเดินที่เบตง มีโอกาสได้ไปทานข้าว เห็นความคึกคัก ความปลอดภัย และรอยยิ้มของพี่น้องที่มอบให้กับคณะของตนที่เดินทางลงมาในพื้นที่ และเห็นศักยภาพของอำเภอเบตง แน่นอนเรื่องการท่องเที่ยว ในอนาคตคิดว่าโรงแรมไม่เพียงพอ ซึ่งได้มีการเรียกร้องมาแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนวันเดียวกันนี้มา จ.นราธิวาส เป็นครั้งที่ 2 เรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าประเทศไทย มีนักซ่อมคัมภีร์ศาสนา อิสลามระดับโลกอยู่ 2 คน ซึ่งคัมภีร์ต่าง ๆ ถูกส่งกลับมาซ่อมที่นี่ จึงได้บอกทางกระทรวงการต่างประเทศว่า ต่อไปนี้เราจะต้องโปรโมตเรื่องนี้ และมีการสนับสนุนให้คนที่มีความสามารถในการที่จะซ่อมหรือเย็บเล่มคัมภีร์เหล่านี้ได้ เพราะที่นี่มีคัมภีร์โบราณมาก เป็นพันปีก็มี ทำด้วยหนังแพะ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ทั้งนี้ การมา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน 3 วันนี้ ได้เห็นถึงศักยภาพที่ดี ส่วนเวลาที่มา ตนคิดว่าเหมาะสม เพราะอีกสัปดาห์หนึ่ง ก็จะเข้าสู่เทศกาลของเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเทศกาลที่ต้องมีความอดทน อดกลั้น และเป็นเทศกาลการให้อภัย ซึ่งตนขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุข และภูมิภาคนี้ จะได้รับการดูแลให้มีความเสมอภาค มีความเท่าเทียม 

นายกฯ กล่าวอีกว่า การที่บอกว่าอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำไมถึงไม่ได้ความเท่าเทียม ตนคิดว่าเป็นความตั้งใจของรัฐบาลนี้ และใน 3 ปีครึ่งที่เหลือรัฐบาลนี้ จะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเสมอภาคความเท่าเทียม โอกาสที่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พึงได้รับผลกระทบต่างๆ ที่เกิดมาในอดีต จะพยายามแก้ไข และมองไปข้างหน้า ได้เห็นถึงแววตาที่มาต้อนรับ การมาลงพื้นที่ของพวกตนได้รับความซาบซึ้ง เป็นแรงบันดาลใจให้ผลักดัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปถึงศักยภาพ ไปถึงจุดที่เขาสามารถไปถึงได้ อันนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้จะมุ่งมั่นและทำต่อไป

เมื่อถามถึงการพูดคุยสันติภาพ นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีนโยบายพรรคเพื่อไทย มีแต่นโยบายของรัฐบาล เรามีการพูดคุยกันไป โดยที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พูดคุย ทำงานควบคู่กับฝ่ายการต่างประเทศด้วย ซึ่งได้มีการพูดคุยกันตลอด

เมื่อถามต่อว่าจะยกระดับสนามบินนราธิวาสอย่างไร เพราะว่ามีชาวมุสลิม ทั้งไทยและมาเลเซียมาใช้มาก เพื่อเดินทางไปทำฮัจญ์ นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่แค่มาเลเซียอย่างเดียว สิงคโปร์ และอินโดนีเซียด้วย ซึ่งที่มา ตนได้เห็นถึงศักยภาพอยู่แล้ว โดยรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จะพยายามพัฒนาจุดท่องเที่ยวต่างๆ ให้เป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเริ่มแรกต้องเพิ่มไฟลต์เที่ยวบิน ส่วนเรื่องด่านศุลกากรตรวจคนเข้าเมือง ตนคิดว่าไม่มีปัญหา ตรงนี้เราอยากให้พี่น้องที่จะเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย สามารถบินจองได้เหมือนกัน.