เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุถึงการถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องอาการป่วยว่าเป็นเรื่องดราม่า และใครที่ไม่ชอบหน้า ก็ให้ต่างคนต่างอยู่ ว่า หลักการสำคัญของเรื่องนี้คือการตรวจสอบและท้วงติงตามระบอบประชาธิปไตย ที่เห็นแล้วว่าการดำเนินการต่างๆ ของหน่วยงานรัฐ ของปลายทางกระบวนการยุติธรรม มีความไม่ชอบมาพากล เพราะประเทศนี้ปกครองด้วยกฎหมาย ฉะนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ตนคิดว่าทุกคนไม่ได้มีความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวกับนายทักษิณ และไม่ใช่เป็นการไม่ชอบหน้ากันแล้วออกมาพูดหรือสร้างเรื่องดราม่า แต่เชื่อว่าคนที่ตรวจสอบเรื่องนี้ติติงเพื่อหลักการของบ้านเมือง เขาขัดแย้งกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องต่างหาก ขัดแย้งกับกระบวนการปลายทางที่เกิดข้อสงสัยมากมาย
“การที่บอกว่าไม่ชอบหน้า ก็ต่างคนต่างอยู่นั้น คงไม่ใช่ เพราะถ้าต่างคนต่างเห็นด้วยกับความไม่ถูกต้อง เห็นด้วยกับการไม่เคารพหลักกฎหมายเกิดขึ้น แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ก็ต้องมีการตรวจสอบท้วงติงตามครรลองในระบอบประชาธิปไตย ที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่บริษัทของคุณทักษิณ อย่ามุ่งเห็นแต่อำนาจที่มีอยู่ขณะนี้มากเกินไป ถ้าการเลือกตั้งหวังเพียงแค่ให้เข้ามามีอำนาจมีเสียงข้างมากแล้วคิดจะทำอะไรตามอำเภอใจ ผมว่านั่นไม่ให้ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง” โฆษกประชาธิปัตย์ กล่าว
นายราเมศ กล่าวอีกว่า นายทักษิณคงไม่ต้องกังวลอะไรต่อการตรวจสอบท้วงติงในเรื่องนี้ เพราะคนที่ต้องตอบคำถาม และต้องถูกตรวจสอบคือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรมซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ตอบคำถามกับสังคมได้เลยในกรณีของนายทักษิณ ตนจึงคิดว่าสุดท้ายรัฐบาลต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นขอท้านายทักษิณและระบอบทักษิณว่าถ้าคิดว่าการมีอำนาจในประเทศนี้แล้วจะทำตามอำเภอใจอะไรก็ได้ ก็ทำต่อไปให้ถึงที่สุด แต่ต้องยอมรับกระบวนการตรวจสอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระหรือโดยพรรคการเมืองในสภา
“ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ผมเชื่อว่าทุกคนจะหยิบยกเรื่องนี้มาอภิปรายแน่ เพราะเขาเป็นตัวแทนของประชาชน การตั้งคำถาม ซักถามข้อเท็จจริงให้รัฐบาลตอบ ถ้าไม่ตอบ รัฐบาลก็ต้องตอบคำถามกับประชาชนทั้งประเทศว่าทำไมเรื่องอื่นอธิบายได้ แต่ทำไมเรื่องของคุณทักษิณ จึงไม่สามารถอธิบายได้” นายราเมศ กล่าว
