เมื่อวันที่ 18 มี.ค. เวลา 09.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดพะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ประชุมร่วมกับตัวแทนกลุ่มประชาชน 3 กลุ่ม ที่จะยื่นเรื่องร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี รวม 7 เรื่อง ได้แก่ 1.กลุ่มสภาประชาชนประจำ จ.พะเยา ทวงถามความคืบหน้าการขุดลอกกว๊านพะเยา, การเวนคืนที่ดินรถไฟทางคู่, ขุดลอกลำน้ำอิง คลองไส้ไก่และแก้มลิง, เร่งรัดอาคาร 11 ชั้น และอุปกรณ์ทางการแพทย์โรงพยาบาลพะเยา, โครงการขุดลอกกว๊านพะเยา, การปรับผังเมืองจังหวัดพะเยา, การเวนคืนที่ดินโครงการรถไฟรางคู่ 2.กลุ่มคัดค้านการก่อสร้างโรงงานแปรรูปยางพารา ต.เชียงแรง อ.ภูซาง และ 3.กลุ่มผู้ปลูกกระท่อม อ.เชียงคำ, อ.ภูซาง กรณีที่มีบางบริษัทไม่จ่ายเงินค่าต้นกล้า และสั่งจ่ายเช็คเด้ง พร้อมขอให้รัฐบาลปรับปรุงแก้ไขอำนวยความสะดวกให้บริษัทส่งออกพืชกระท่อม

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้มารับฟังปัญหาของประชาชน เรื่องใดที่สามารถสั่งการแก้ไขได้จะเร่งดำเนินการให้ โดยเรื่องของรถไฟทางคู่ที่จะถูกเวนคืนที่ดินจะมอบหมายให้นายสมคิด ไปเร่งดำเนินการ ส่วนปัญหาเรื่องของโรงงานแปรรูปยางพารา ที่ส่งกลิ่นสร้างความเดือดร้อน มอบให้จังหวัดไปแก้ไข โดยประสานความร่วมมือกับอุตสาหกรรมจังหวัดไปตรวจสอบ หากพบสิ่งใดไม่ถูกต้องให้หยุดดำเนินการเอาไว้ก่อน หากยังไม่แก้ไขให้เพิกถอนการอนุญาต และขณะนี้ได้พิจารณาสร้าง 2 โรงงานยางพาราที่ อ.ภูซาง และ อ.แม่ใจ โดยหากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มาดำเนินการเองก็น่าจะลดปัญหา

รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า สำหรับปัญหาของผู้ปลูกพืชกระท่อมใน จ.พะเยา และทั่วประเทศ ในส่วนของคดีอาญา กรณีที่ไม่ได้รับเงินจากบริษัทที่สั่งซื้อต้นกล้า ให้ดำเนินคดีไปก่อน โดยให้ผู้บังคับการจังหวัดพะเยาดำเนินการ ส่วนกลางส่งเสริมปลูกพืชกระท่อม จะมอบผู้เกี่ยวข้องไปประสาน กับกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุข ในการใช้ประโยชน์จากกระท่อม รวมถึงให้อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ไปเร่งดูเรื่องของตลาดที่จะรองรับ เป็นต้น ขณะที่เรื่องอื่นๆ ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปเร่งดำเนินการแก้ปัญหาในบางเรื่อง เช่น การขุดลอกลำน้ำ และแผนการพัฒนาลุ่มกว๊านพะเยา มีทั้งการสร้างวัดติโลกอาราม ทำถนน 4 เลน วงเงินกว่าหมื่นล้านบาท ในพื้นที่ 2 จ.พะเยา และเชียงราย จะรายงานให้ที่ประชุม ครม. พิจารณา

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ประชาชนร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดินว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีการออกโฉนดที่ดิน เนื่องจากสำนักงานที่ดินจังหวัดระบุว่าเป็นพื้นที่ทับแนวเขตตามพระราชกฤษฎีกาเขตต์หวงห้ามที่ดินกว๊านพะเยา อ.พะเยา จ.เชียงราย พ.ศ. 2482 กว่า 10,000 ไร่ โดยผู้ตรวจการแผ่นดินให้ชะลอจนกว่าจะทำวันแม็พเสร็จ เรื่องนี้ตนเป็นกรรมการที่ดินแห่งชาติ (คทช.) พบว่าปัญหา คือต้องคำนึงบริบทความเป็นจริง มิฉะนั้นประชาชนในพื้นที่จะเดือดร้อน ถ้ายึดตามแนวพระราชกฤษฎีกา 16,000 ไร่ ฉบับเก่า บางหมู่บ้านจะหายออกไป ปรถชาชนเดือดร้อน ทั้งนี้การรักษาแนวเขตและไม่ให้มีการบุกรุก รวมถึงการแก้กฎหมายต้องคำนึงไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนด้วย จะได้ไม่มีม็อบเต็มทำเนียบ เวลามีม็อบไม่มีใครไปรับหน้านอกจากตน ทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามมติของ คทช. และมาออกแนวพระราชกฤษฎีกา ตามที่คณะกรรมการกำหนดในแผนที่วันแม็พ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วทำมาดีและรัฐบาลนี้เห็นว่าดีจึงมาสานต่อ ไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งมาแก้ไขได้

“ปัญหาเรื่องที่ดินเป็นปัญหาระดับชาติ ไม่ใช่เฉพาะแค่ที่พะเยา และคนที่พูดความจริงไม่เป็นไร แต่ถ้าพูดความจริงก็จะเป็นปัญหา ดังนั้นอย่าเพิ่งทะเลาะกัน จนกว่าวันแม็พจะออกมา” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

จากนั้น เวลา 10.00 น. ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนได้เสนอปัญหาในพื้นที่ ผ่านสภาประชาชนของจังหวัดบางส่วน ได้มอบหมายหน่วยงานเกี่ยวข้องไปแล้ว เรื่องใดที่ต้องใช้อำนาจของนายกฯ มอบให้นายสมคิดเป็นผู้ประสานงาน เรื่องใดที่เกี่ยวกับคดี ได้มอบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่จะมีทีมงานมาติดตามคดี เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนพอใจได้ ทั้งนี้ แผนพัฒนาลุ่มกว๊านพะเยาเป็นแผนในระยะยาวที่ ครม. ชุดที่แล้วอนุมัติหลักการไว้ ตนจะรายงานให้ ครม. ทราบอีกครั้ง