เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยพะเยา จ.พะเยา น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการประมง ตลอดจนพันธกรณีที่ประเทศไทยมีอยู่ แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์มีอายุ 2 ปี  จะครบกำหนดอายุทั้งหมดภายในวันที่ 31 มี.ค.2567  กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ต้องแสดงหรือแนบเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ อีกทั้งที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

น.ส.เกณิกา กล่าวอีกว่า สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เป็นการยกเลิกกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ.2562 รวมถึงกำหนดให้กรณีผู้ขออนุญาตได้ยื่นคำขอไว้ตามห้วงเวลาที่กำหนดและไม่ได้รับใบอนุญาตทำการประมง เนื่องจากผู้ขออนุญาตหรือเรือประมงมีลักษณะต้องห้ามที่จะได้รับใบอนุญาตทำการประมง และต่อมาภายหลังลักษณะต้องห้ามได้สิ้นสุดลงแล้ว ให้พิจารณาออกใบอนุญาตเพิ่มเติมได้ และกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมและค่าอากรได้ไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดระยะเวลาที่ให้ชำระค่าธรรมเนียมและค่าอากร อีกทั้งกำหนดให้นำเรือประมงลำอื่นมาทดแทนได้ กรณีเรือลำเดิมที่ได้รับอนุญาต จม หรือไฟไหม้ และให้สามารถเพิ่มเครื่องมือทำการประมงภายหลังได้รับใบอนุญาตทำการประมง

น.ส.เกณิกา กล่าวว่า นอกจากนี้ กำหนดให้การขอรับโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ให้สามารถดำเนินการได้ในกรณีผู้รับใบอนุญาตเสียชีวิต และกำหนดให้ลดเอกสารบางรายการที่หน่วยงานรัฐสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ระหว่างหน่วยงานและไม่เกี่ยวข้องกับการขอรับอนุญาต อาทิ หนังสือรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัยในเรือประมงตามความในมาตรา 98 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 เพื่อลดภาระให้ชาวประมง และกำหนดให้กรณีที่ไม่สามารถทำการประมงในพื้นที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตทำการประมง ให้ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทำการประมงได้ โดยขนาดของเรือและเครื่องมือทำการประมงต้องไม่มีผลกระทบต่อปริมาณสัตว์น้ำสูงสุด และเป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด