เมื่อวันที่ 20 มี.ค.67 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนได้รับเชิญจาก Bank of America ให้ไปบรรยายให้นักลงทุนรายใหญ่ เช่น Blackrock, Fullerton, Pharro, Bluebay, MacQuarie, APG, Dymon, Bluecrest เป็นต้น ให้ได้ทราบข้อมูลเพื่อสร้างความมั่นใจและชักจูงให้มาลงทุนในประเทศไทย โดยจัดที่ห้องประชุมโรงแรม St. Regis ถนนราชดำริ

ทั้งนี้ ตนได้ให้ความมั่นใจกับนักลงทุนต่างประเทศว่า รัฐบาลนำโดยนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จะนำพาประเทศให้หลุดจากภาวะวิกฤติกบต้ม ที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมาตลอด 10 ปีที่ผ่านได้ และพร้อมจะเปิดทำธุรกิจ (Open for business) เหมือนที่นายกฯ เศรษฐาได้ให้สัมภาษณ์ในนิตยสารไทม์ โดยรัฐบาลจะทำหลายเรื่องพร้อมๆ กันทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

สำหรับแนวทางการเป็นศูนย์กลาง 8 ด้าน คือ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ ศูนย์กลางอาหาร ศูนย์กลางการบิน ศูนย์กลางโลจิสติกส์ ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิตอล และ ศูนย์กลางทางการเงิน ตามที่นายกฯ เศรษฐาได้ประกาศไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมีโครงการแลนด์บริดจ์ โครงการเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล เป็นแนวทางที่จะเพิ่มรายได้ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนหลายล้านล้านบาทต่อปี และยืนยันว่าดิจิตอลวอลเล็ตจะต้องทำแน่โดยนายเศรษฐา จะสรุปและแถลงอีกครั้ง

ทั้งนี้มีคำถามของเหล่านักลงทุนต่างประเทศถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ตนได้ตอบตามตรงว่าหลายโครงการที่พูดมาเริ่มแนวคิดมาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ที่เป็นคนอัจฉริยะ และถ้าหากได้ทำตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย ป่านนี้ประเทศไทยน่าจะพัฒนาไปมากกว่านี้มาก แต่ทำตอนนี้ก็ยังไม่สาย ทั้งนี้อดีตนายกฯ ทักษิณน่าจะฉลาดกว่าตนหลายเท่า อีกทั้งยังเป็นผู้ติดตามข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างสม่ำเสมอ

โดยล่าสุดนายทักษิณยังได้อธิบายให้ฟังเรื่องการแข่งขันการผลิตไมโครชิป โดยไมโครชิปของ Nvidia เป็นแบบ GPU เปรียบเสมือน Hermes ของวงการผลิตไมโครชิป สามารถนำไปใช้งานด้าน Ai ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแตกต่างจากไมโครชิปของบริษัท TSMC จึงทำให้มูลค่าหุ้นของ Nvidia พุ่งขึ้นทะลุทะลวงแซงหลายบริษัทใหญ่ขึ้นมาอยู่อันดับต้นๆ ของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐได้ เป็นต้น

ถ้าหากนายทักษิณจะกรุณามาให้คำแนะนำแนวทางเศรษฐกิจจะทำให้เศรษฐกิจไทยพัฒนาไปอีกมาก ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศต่างก็เห็นด้วยในความเก่งและความฉลาดของนายทักษิณและจะยิ่งสร้างความมั่นใจให้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีคำถามจากนักลงทุนต่างประเทศ เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตนจึงชี้ให้เห็นว่าถ้าเปรียบเทียบดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest) ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐอยู่ที่ 5.25-5.5% แต่เงินเฟ้อสหรัฐเดือนก.พ. อยู่ที่ 3.2% ดังนั้นดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 2.05-2.3% แต่ประเทศไทยดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5% แต่เงินเฟ้อไทยติดลบ -0.77%

ดังนั้นดอกเบี้ยแท้จริงอยู่ที่ 3.27% ซึ่งสูงกว่าสหรัฐ หาก ธปท.ลดดอกเบี้ยนโยบายจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายของประชาชน และจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนซึ่งจะเพิ่มความสามารถแข่งขันของไทยทั้งการค้าและการลงทุน อีกทั้งในปัจจุบันไทยก็ยังมีเงินทุนสำรองเป็นจำนวนมากจึงไม่น่าห่วงกับเงินทุนไหลออกมากนัก และสหรัฐน่าจะลดดอกเบี้ยในกลางปีนี้แน่ ถ้าไทยลดก่อนจะได้เปรียบก่อน ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศก็เห็นด้วย

นายพิชัย กล่าวว่า โดยสรุปตนได้ตอกย้ำให้นักลงทุนต่างประเทศมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย ภายใต้การนำของนายเศรษฐา และอยากให้พวกเขาสบายใจและเร่งลงทุนในประเทศไทย เพราะไทยจะพัฒนาไปไกลอย่างแน่นอน ผลตอบแทนในการลงทุนที่จะได้รับจะคุ้มค่าอย่างมาก