ริชาร์ด บาร์ตลีย์ เจ้าของบ้านหนุ่มวัย 37 ปีในเมืองสต็อกพอร์ต เขตเกรทเตอร์แมนเชสเตอร์ของอังกฤษ ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอคนแปลกหน้านำรถ “วอลโว่” รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อคันใหญ่มาจอดทิ้งไว้ตรงทางเข้าโรงรถของบ้านเขาและขวางหน้าโรงรถที่บ้านพอดี เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2567 เวลาประมาณ 22.00 น.

เจ้าของรถวอลโว่จอดรถของตัวเองทิ้งไว้แบบนั้นทั้งคืน แล้วมาขับรถคันดังกล่าวออกไปในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นโดยที่ไม่มีคำอธิบายหรือแม้แต่คำขอโทษ บาร์ตลีย์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและเจ้าของพื้นที่ที่เขาใช้จอดรถ 

เจ้าของบ้านที่เจอแขกแปลกหน้าผู้ไม่ได้รับเชิญมาใช้พื้นที่อย่างหน้าตาเฉยเล่าว่า เขาเห็นรถวอลโว่ครั้งแรกเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 18 มี.ค. 2567 ซึ่งเป็นเวลาที่เขากลับจากที่ทำงานมาถึงบ้าน

เมื่อเห็นรถของใครก็ไม่รู้มาจอดหน้าบ้านตัวเอง บาร์ตลีย์ รู้สึกสับสนและพยายามจะสืบหาว่าเป็นรถของใคร

ในชุมชนที่เขาอาศัยมีกลุ่ม “วอตส์แอป” เอาไว้ส่งข่าวสำหรับคนในชุมชน เขาจึงเขียนข้อความถามในกลุ่มว่ามีใครรู้จักเจ้าของรถคันนี้บ้าง

เขาเล่าว่าในละแวกนั้นมีหลายบ้านที่ติดกล้องวงจรปิด พวกเขาจึงสามารถหาคลิปวิดีโอที่มีภาพช่วงเวลาที่เจ้าของรถวอลโว่เอารถมาจอดที่หน้าโรงรถของ บาร์ตลีย์ และเขาก็ได้เห็นว่าเจ้าของรถวอลโว่นั้น ถอยรถเข้ามาจอดที่ทางเข้าโรงรถของเขา ล็อคประตูรถและเดินไปขึ้นรถสีเงินอีกคันหนึ่งซึ่งจอดรออยู่

ในวันรุ่งขึ้น บาร์ตลีย์ ไม่แน่ใจว่าชายแปลกหน้าจะกลับมาเอารถหรือไม่ เขาจึงตัดสินใจแจ้งตำรวจให้มายกรถออกไปเพราะมันขวางทางเข้า-ออกโรงรถของเขา

แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาดำเนินการ เจ้าของรถวอลโว่ก็ย้อนกลับมาตอน 09.30 น. ของวันรุ่งขึ้นและขับรถของตัวเองออกไปโดยไม่ขอโทษ บาร์ตลีย์ ผู้เป็นเจ้าของบ้านเลยสักคำ

บาร์ตลีย์ กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเหมือน “ฝันร้าย” สำหรับเขา แล้วยังทำให้เขากับแฟนต้องวุ่นวายกับการหาที่จอดรถใหม่เพราะมีรถวอลโว่ขวางอยู่ บรรดาเพื่อนบ้านก็แทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครกล้าเอารถมาจอดในทางเข้าโรงรถประจำบ้านของคนที่ไม่รู้จัก จากนั้นก็ล็อครถและเดินจากไปแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว

แจ๊ค คุสเซนส์ หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลโครงข่ายถนนของสมาพันธ์ยานยนต์ของอังกฤษ แสดงความเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับ บาร์ตลีย์ นี้ ผู้เป็นเจ้าของบ้านแทบจะขอความช่วยเหลือจากทางการไม่ได้เลย เพราะเหตุการณ์บุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลนี้เป็นเรื่องทางแพ่ง ซึ่งตำรวจเองก็ไม่สามารถสอดมือเข้ามาได้ และเนื่องจากรถคันนี้จอดอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล ทางสภาเมืองก็ไม่สามารถจะเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้เช่นกัน 

สถานการณ์เช่นนี้มีข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือรถหรือพาหนะนั้น ๆ ที่จอดทิ้งไว้อยู่ในสภาพที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น เช่น มีน้ำมันรั่วออกมา เจ้าหน้าที่ทางการจึงจะเข้ามาช่วยเหลือได้ แต่ถ้าไม่เข้าข่ายนี้ เจ้าของบ้านก็ต้องจัดการแก้ไขปัญหาเอาเอง

คุสเซนส์ กล่าวว่าในสถานการณ์แบบที่บ้านของ บาร์ตลีย์ นั้น เจ้าของบ้านสามารถว่าจ้างบริษัทลากรถมายกรถคันที่จอดขวางออกไป แต่ก็จะต้องจ่ายเงินค่าจ้างเอง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 100 ปอนด์ (ราว 4,590 บาท) นอกจากนี้ หากรถที่ถูกลากไปได้รับความเสียหาย เจ้าของบ้านก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

คุสเซนส์ เสริมว่า เจ้าของบ้านอาจเลือกใช้มาตรการป้องกันได้ เช่น การติดตั้งเครื่องกั้นหรือเสากั้นการใช้ทาง แต่ก็ต้องเป็นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองทั้งหมดเช่นกัน

ที่มาและเครดิตภาพ : ladbible.com