เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีกำลังพลฝูงบิน 702 กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี มีชื่อเบิกค่าปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานภารกิจฝึกบินกลางคืน โดยไม่ได้มีการปฏิบัติงานจริงว่า การเบิกค่าปฏิบัติงานนอกเวลาโดยไม่ได้มีภารกิจจริง เป็นสิ่งที่ตนในฐานะอดีตกำลังพลของกองทัพอากาศ สามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอด ในช่วงที่รับราชการก็เคยประสบเรื่องนี้โดยตรง คือมีการโทรฯมาขอจำหน่ายชื่อไปสัมมนาเพื่อเบิกค่าปฏิบัติงานนอกเวลา หรือการลงเวลาออกงานที่ล่าช้าเกินจริงเพื่อเบิกค่าล่วงเวลา ซึ่งไม่ใช่แค่กองทัพอากาศเท่านั้น เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกเหล่าทัพ

เรื่องนี้เป็นปัญหาที่กองทัพเล็งเห็นและพยายามตรวจสอบให้รัดกุมมาตลอด ไม่ได้ปล่อยปละละเลย หลับตาข้างเดียวเหมือนกับหลายๆ เรื่องที่กำลังพลทำไม่ถูกต้อง จึงมองว่าสาเหตุหลักของเรื่องนี้ เกิดจากผู้บังคับฝูงบิน 702 ที่ปล่อยปละละเลยหรือรู้เห็นเป็นใจหรือเปล่า และเป็นเรื่องดีที่กองทัพอากาศออกมาระบุว่า จะมีการสอบสวนอย่างละเอียด ถึงอย่างนั้น เรื่องนี้บ่งชี้ให้เห็นว่าระบบการบริหารกองทัพนั้นมีปัญหาขนาดไหน ในรัฐที่ปล่อยให้กองทัพเป็นแดนสนธยา ดูแลกันเองตรวจสอบกันเอง แม้จะมีกลไกพยายามตรวจสอบ แต่หากมีรูรั่วที่ตัวบุคคลกำกับดูแลเพียงคนเดียว ก็อาจเกิดปัญหาเช่นนี้ เพราะไม่มีการถ่วงดุลจากภายนอก

“เมื่อระบบเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมไม่แปลกที่ชื่อเสียงของกองทัพจะเสื่อมถอย เพราะระบบนี้เอื้อต่อการให้ผู้มีอำนาจใช้อำนาจในทางที่ผิดได้ง่าย กำลังพลในระดับล่างลงไป ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะร้องเรียนไปก็ไม่เป็นผล และอาจจะถูกเล่นงานกลับมาอีก ทำให้ในที่สุดทุกคนถูกดึงเข้าสู่วงจรอุบาทว์ แต่ยังดีที่ในยุคสมัยปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารไม่อาจปกปิดได้โดยง่ายเพราะมีโซเชียลมีเดีย รวมถึงการตรวจสอบจากภาคประชาชนที่ตื่นตัวมากขึ้น เรื่องอื้อฉาวในกองทัพจึงถูกเปิดเผยออกมาได้มากขึ้นกว่าในอดีต”

ร.ท.ธนเดช กล่าวต่อไปว่า ขอให้กองทัพสอบสวนกรณีนี้อย่างจริงจัง ให้เป็นเยี่ยงอย่างสำหรับกำลังพลทั้งหมด แต่ในระยะยาวการตรวจสอบเพียงเท่านี้จากภายในกองทัพเองย่อมไม่เพียงพอ เพราะระบบที่มีช่องโหว่ อาจทำให้การทุจริตอื่นๆ เกิดขึ้นอีกในอนาคต นี่คือเหตุผลที่พรรคก้าวไกลเน้นย้ำเสมอ ว่ากองทัพต้องได้รับการปฏิรูป ให้เป็นหน่วยงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งสำหรับกรณีนี้ กองทัพควรได้รับการตรวจสอบถ่วงดุลจากผู้ตรวจการกองทัพ ที่มีสัดส่วนจาก ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ตามข้อเสนอของพรรคก้าวไกล