เมื่อวันที่ 21 มี.ค. นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม เรื่องการจัดตั้งแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในศาลอาญาว่า ประกาศฉบับนี้ ออกโดยคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ส่วนจะเปิดทำการเมื่อใด ให้เป็นไปตามประกาศของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา คาดว่าจะเป็นต้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายของนางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา ที่เห็นความสำคัญของปัญหาคดีความเกี่ยวกับอาชญากรรมเทคโนโลยี

โดยที่มาที่ไปของการตั้งแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่จะมีเฉพาะศาลอาญาเท่านั้น เพราะทุกวันนี้ การก่ออาชญากรรมมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือหรือมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ลักษณะของอาชญากรรมประเภทนี้ก็มีความซับซ้อนไม่ว่าในลักษณะของพฤติกรรมการกระทำความผิด หรือการพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรม นับเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งศาลก็เป็นกลไกในการแก้ปัญหา และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องรับมือกับอาชญากรรมลักษณะนี้

หากกล่าวให้ชัดๆ ในเรื่องอาชญากรรมทำนองนี้ เช่น การฉ้อโกงและหลอกลวงโดยใช้เทคโนโลยีในการล่อลวงหรือชักจูงเหยื่อให้หลงเชื่อ การใช้บัญชีม้าเป็นเครื่องมือก็มีจำนวนมาก คดีพวกนี้เกิดขึ้นบนระบบออนไลน์บนโลกไซเบอร์ วิธีที่จัดการกับปัญหาจึงต้องเป็นวิธีที่เท่าทันสอดคล้องกับลักษณะความผิด เพราะเป็นอาชญากรรมที่แตกต่างจากการลัก วิ่ง ชิง ปล้น การกระทำความผิดแต่ละครั้งอาจกระทบเหยื่อหรือผู้เสียหายในวงกว้างและกระจัดกระจายในหลายพื้นที่

เมื่อการกระทำผิดเกิดขึ้นบนระบบเทคโนโลยีและโลกออนไลน์ พยานหลักฐานที่จะมาเอาผิด หรือมาพิสูจน์ว่าผิดหรือไม่ ก็ไม่ใช่หลักฐานแบบเดิมไม่ใช่หลักฐานที่จับต้องได้ แต่มักจะเป็นพยานหลักฐานที่อยู่ในรูปสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วย หรือที่เรียกว่าพยานหลักฐานดิจิทัล เพราะเป็นข้อมูลที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์คนที่จะมาทำเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมต้องมีความเข้าใจในลักษณะของอาชญากรรม และการใช้พยานหลักฐานเหล่านี้ในคดีด้วย ตั้งแต่ชั้นตำรวจ อัยการ ศาล ทำให้ศาลเองก็ไม่สามารถหยุดการพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมและรองรับกับปัญหาเหล่านี้ การจัดตั้งแผนกอาชญากรรมเทคโนโลยีจึงเป็นมาตรการหนึ่งในการรองรับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น เพราะหากมาดำเนินการเมื่อปัญหาเหล่านี้พอกพูนขึ้นอาจไม่ทันการ

ภารกิจของแผนกนี้จึงมี 2 ส่วนหลักๆ ส่วนหนึ่งที่เป็นคดีก็คือการดำเนินคดีอาญากับอาชญากรรมที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหรือเป็นองค์ประกอบสำคัญ ภารกิจส่วนนี้จะรวมถึงบรรดาคดี เช่น การฉ้อโกงหรือหลอกลวงออนไลน์ คดีตามกฎหมายมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีซึ่งรวมถึงคดีที่ใช้บัญชีม้าซิมม้า คดีอาญาตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเช่น กรณีผู้ควบคุมข้อมูลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีฐานอำนาจตามกฎหมายรองรับและไม่ได้รับความยินยอม

อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ใช่การฟ้องคดีแต่เป็นเรื่องที่กฎหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องให้มาขอคำสั่งศาลตามกฎหมายความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ฯ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ก็รวมเข้ามาอยู่ในงานของแผนกนี้ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่กฎหมายต้องการให้ศาลตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันการใช้สื่อออนไลน์ไปในทางที่ทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายแพร่กระจายไปยังประชาชน เรื่องสำคัญที่เป็นภารกิจส่วนนี้เช่น การพิจารณาคำสั่งปิดเว็บ

ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นแผนกอยู่ที่ศาลอาญาเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ใหม่สำหรับสังคมไทย ใหม่สำหรับทุกๆ คน ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล ก็เป็นเรื่องที่ใหม่ เราต้องสร้างผู้ที่มีความรู้เชี่ยวชาญขึ้นมากลุ่มหนึ่ง ซึ่งวันนี้มีอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ที่สำคัญการบริหารจัดการคดีประเภทนี้อาจไม่ต้องใช้ปริมาณคนมาก แต่ต้องเป็นคนที่เข้าใจ การทำงานโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปเน้นปริมาณบุคลากรหรือต้องเปิดในหลายๆศาล เพราะความผิดและหลักฐานเกิดบนโลกออนไลน์ ไม่ได้เกิดในพื้นที่กรุงเทพฯหรือจังหวัดไหนโดยเฉพาะเจาะจงแต่กระจายไปทั่วและพยานหลักฐานอยู่ในไซเบอร์ ดังนั้นโดยสภาพไม่จำเป็นต้องเอาปริมาณคนไปสู้ แต่จำเป็นต้องเอาคุณภาพของกระบวนการไปรับมือคุณภาพของกระบวนการในที่นี้หมายถึงประสิทธิภาพ คือวิธีการ อุปกรณ์เครื่องมือและบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจ

ตอนนี้ทาง ก.ต. ได้กำหนดแผนกไว้แล้วให้มีผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกซึ่งเทียบเท่ารองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาเรียกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ ก.ต. นี้ กำหนดตำแหน่งมาแล้วก็อยู่ที่กระบวนการที่จะแต่งตั้งใคร ส่วนจำนวนผู้พิพากษาประจำแผนกขึ้นอยู่กับอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาจะมอบหมาย

ส่วนเรื่องความเชี่ยวชาญตอนนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับทุกองค์กรโดยเฉพาะเรื่องพยานหลักฐาน นายธานี สิงหนาท เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมให้ทีมวิชาการของสำนักงานศาลยุติธรรมทำการศึกษาการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเติมเต็มข้อกฎหมายที่ต้องใช้ในการดำเนินคดีอาชญากรรมที่ใช้เทคโนโลยี ส่วนสำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดอบรมบุคลากรมาก่อนหน้านี้ ก็เคยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาอบรมเรื่องพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์และอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดแผนก

แผนกที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ตั้งอยู่ที่อาคารศาลอาญาชั้น 6 โดยการนำคดีเข้าฟ้องก็จะเหมือนศาลอาญาทั่วไปปกติ ถ้าราษฎรฟ้องเองก็มีการไต่สวนมูลฟ้อง แต่จุดเด่นคือลักษณะคดีพวกนี้พิเศษกว่าอันอื่น คือหลักฐานคดีเป็นดิจิทัล เป็นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ต้องมีกระบวนการส่งหลักฐานจากต้นทางไปปลายทางโดยพยานหลักฐานต้องไม่ถูกปนเปื้อน ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมได้เตรียมแนวทางและระบบไว้รองรับแล้ว และในอนาคตจะได้มีประกาศที่จำเป็นเพื่อมารองรับการดำเนินการสำหรับแผนกนี้ เพื่อทำให้การพิจารณาคดีอาชญากรรมเทคโนโลยีมีความทันสมัย และเหมาะสมกับความซับซ้อนของอาชญากรรมประเภทนี้.