จากกรณี น.ส.ปภัสรา (สงวนนามสกุล) ครูสาววัย 32 ปี เกิดอาการเครียด หวิดก่อเหตุคิดสั้น แต่ยังเป็นห่วงลูกน้อย 3 คน จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนกับศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. ชมรมนักข่าว/สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้น หลังจาก อดีตสามีที่เป็นสารวัตรทหาร (สห.) สังกัดหนึ่งในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งหย่าขาดกันไปแล้ว กลับมาอยู่กินกันใหม่ แต่ภายหลังกลับทำร้ายร่างกายและยังทำร้ายลูกน้อยที่อายุ 2 ขวบ อย่างทารุณ เนื้อตัวเขียวช้ำไปทั้งร่าง ก่อนจะชิงเอารถกระบะของแม่ยาย ขับหายไป ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

ครูสาวครวญ! ร้องสื่อช่วยถูกสามีเก่า อดีตสห. ‘ฉกรถ-เงินบำนาญ-ทำร้าย’ คดีไม่คืบ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. พ.ต.อ.ฐิติวัชร์ สุฐิติวนิช ผกก.สภ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยจาก หลังจากที่สื่อลงข่าวเกี่ยวกับ ครูสาวผู้เสียหาย พยายามแจ้งความกับตำรวจที่โรงพักไชยา เพื่อให้ดำคดีกับ นายทหารอดีตสามี แล้วปรากฏว่าคดีล่าช้านั้น จากการสอบถามพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ให้การอ้างว่า ที่ไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากพบว่า เกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 67 แต่ผู้เสียหายมาแจ้งความในวันที่ 7 มี.ค. 67 หลังเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ได้ไปให้แพทย์ตรวจร่างกาย และในวันที่มาแจ้งความ ไม่ได้นำบุตรสาวอายุ 2 ขวบ มาด้วย เพียงแต่มีภาพมาประกอบ จึงยังไม่ได้ดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหาย

พ.ต.อ.ฐิติวัชร์ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้น ตนในฐานะผู้บังคับบัญชามองว่า การที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นเป็นส่วนตัว ในลักษณะดังกล่าว จนทำให้เกิดความเสียหายและความล่าช้าในคดี จึงได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนรายนี้ เขียนรายงานชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่ตนจะได้ดำเนินการพิจารณาวินัยและข้อบกพร่อง และนำเสนอผู้บังคับบัญชาระดับสูงต่อไป สำหรับครูสาวผู้เสียหาย ขณะนี้ทราบว่าอยู่ระหว่างลาราชการไป จ.นครศรีธรรมราช ตนจึงประสานนัดหมายเข้ามาให้ปากคำวันที่ 26 มี.ค. นี้ โดยจะได้มอบหมายให้ รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้างานสอบสวน สภ.ไชยา เป็นผู้ดำเนินการสอบสวนและรับผิดชอบคดีนี้ด้วยตนเอง

ด้าน น.ส.ปภัสรา คุณครูผู้เสียหาย กล่าวว่า ที่พนักงานสอบสวนอ้างว่า ดำเนินคดีล่าช้าเพราะเรื่องเกิดตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 67 แต่ผู้เสียหายมาแจ้งความในวันที่ 7 มี.ค. 67 และหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายไม่ได้ไปให้แพทย์ตรวจร่างกาย และในวันที่มาแจ้งความ ไม่ได้นำบุตรสาวอายุ 2 ขวบมาด้วย เพียงแต่มีภาพมาประกอบ จึงยังไม่ได้ดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายนั้น ตนพยายามอธิบายให้พนักงานสอบสวนทราบถึงเหตุผล ว่าที่ตนไม่สามารถมาแจ้งความหลังเกิดเหตุทันที ก็เพราะ สห.อดีตสามี ข่มขู่จะฆ่าให้ตาย และในขณะนั้น เขาอยู่ที่บ้านกับตนและลูก หากเขารู้ว่าตนไปแจ้งความ ตนโดนหนักแน่ อาจจะถูกเขายิงตาย เพราะเขาพกปืนตลอดเวลา

ตนยอมทนทุกอย่างเพื่อลูก แม้ตัวเองจะถูกทำร้ายหลายครั้งก็ทนได้ แต่อดีตสามีมาทำร้ายลูกในไส้ของตัวเอง มันเจ็บปวดหัวใจมาก ๆ และยอมรับไม่ได้ ขอบคุณสื่อมวลชนที่เป็นกระบอกเสียงจนได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับอดีตสามีให้ถึงที่สุด ตอนนี้ทราบแล้วว่า กำลังหลบหนีไปอยู่กับญาติ ที่ทำธุรกิจรับซื้อทุเรียนที่ จ.จันทบุรี ส่วนผู้หญิง ผจก.บริษัทผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ได้ติดต่อมาแล้วระบุว่า ถูกให้ออกจากงานแล้ว และได้เลิกยุ่งกับอดีตสามีตนแล้วด้วย.