สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ว่า อากาศยานขนาดเล็กเท่ากล่องทิชชู และมีน้ำหนัก 4 ปอนด์ลำนี้ สร้างประวัติศาสตร์จากความสำเร็จ ในการบินขึ้นจากพื้นผิวดาวอังคารครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564

นาซา กล่าวคำอำลาบนแพลตฟอร์ม “เอ็กซ์” พร้อมกับระบุว่า ทีมของอินเจนิวอิตี ได้รับข้อความสุดท้ายจากเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวแล้ว ซึ่งต่อจากนี้ไป มันจะทำหน้าที่เป็นแท่นทดสอบประจำที่ และรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ ต่อนักสำรวจดาวอังคารในอนาคต

เดิมทีแล้ว อินเจนิวอิตี มีจุดประสงค์เพื่อพิสูจน์ถึงความเป็นไปได้ ในการบินบนชั้นบรรยากาศของดาวอังคารซึ่งบางมาก ผ่านการบินทดสอบ 5 ครั้ง แต่มันถูกนำไปใช้งานทั้งหมด 72 ครั้ง และบันทึกเวลาบินได้มากกว่า 2 ชั่วโมง ในระยะทางสั้น ๆ 

มิหนำซ้ำ อินเจนิวอิตี ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเกิดความคาดหมาย และสามารถเอาชนะความท้าทายต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น พายุฝุ่น, ภูมิประเทศที่อันตราย, เซ็นเซอร์ที่ไม่ทำงาน และสภาพอากาศที่หนาวเย็น

เนื่องจากอินเจนิวอิตี ถูกออกแบบมาเพื่อปฏิบัติภารกิจในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระบบทำความร้อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จึงไม่สามารถเปิดตลอดทั้งคืนในช่วงฤดูหนาวได้ ส่งผลให้คอมพิวเตอร์การบินไม่ทำงาน และทีมวิศวกรต้องคิดค้นโปรโตคอลใหม่

ทั้งนี้ นาซา ระบุเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ทางองค์การพยายามนำหินบนดาวอังคาร ซึ่งเก็บรวบรวมโดยยานสำรวจเพอร์เซเวียแรนส์ (Perseverance) กลับมายังโลกอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และใช้ต้นทุนน้อยลง แต่หน่วยงานกำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับการใช้งบประมาณมหาศาล.

เครดิตภาพ : AFP