เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (17 เม.ย.) นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร นำคณะที่ปรึกษาและคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามการสืบสวนสอบสวน กรณีที่มีการร้องเรียนการทุจริตของ ผอ.รร.แห่งหนึ่ง ใช้เงินของทางราชการไปใช้ในทางส่วนตัวและการประพฤติตนที่ผิดจริยธรรม หลังมีการทวงถามเงินของผู้ให้บริการคอลสยิวผ่านโซเชียลมีเดียจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ของ สพป.ขอนแก่น เขต 4 และมีการย้าย ผอ.รร.คนดังกล่าว ไปช่วยราชการที่ สพป.ขอนแก่น เขต 4 โดยมีนายชาญกฤต น้ำใจดี ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 4, นายพิทักษ์ พงษ์ธรรม ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาฯ รวมทั้งคณะครูและผู้ปกครองในพื้นที่เข้าร่วมให้ปากคำและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่อย่างพร้อมเพรียง

นายเอกราช กล่าวว่า ขณะนี้ สพป.ขอนแก่น เขต 4 ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ผอ.รร.ดังกล่าว ตามคำร้องเรียนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 12 เรื่อง ซึ่งในการลงพื้นที่ร่วมกันของคณะทำงานกรรมาธิการการศึกษานั้น พบว่ามีพบสิ่งผิดปกติหลายอย่าง และพบว่ามีข้อมูลที่มีมูลอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของการทุจริตนำเงินของทางราชการไปใช้ในประโยชน์ส่วนตัว การกระทำที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และยังคงพบว่ามีเอกสารทางการเงิน ซึ่งเป็นเอกสารของทางราชการหลายรายการหายไปในช่วงที่มีการสับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่พัสดุ และในช่วงที่ ผอ.คนดังกล่าวมาดำรงตำแหน่ง

“ข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาสรุปในชั้นกรรมาธิการ ทั้งยังคงมีการประสานงานร่วมกับ ป.ป.ช., สพป.ขอนแก่น เขต 4 และทุกหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบเพื่อที่จะสรุปสำนวนเสนอต่อเลขาฯ สพฐ. และ รมว.ศึกษาธิการ โดยได้กำชับให้ สพป.ขอนแก่น เขต 4 ทำการสืบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนทั้ง 12 ข้อและการกระทำที่ฉาวโฉ่ ซึ่งผิดจริยธรมอย่างชัดเจนตามพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 14 วัน” นายเอกราช กล่าว

นายเอกราช กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ และเป็นเรื่องที่มีมูลความผิด และมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ ดังนั้นการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการในฐานะที่กำกับและควบคุมบุคลากรทางการศึกษา เมื่อผู้นำหน่วยกระทำการในลักษณะเช่นนี้ โดยมีพยานคณะกรรมการสถานศึกษาและประชาชนในพื้นที่พร้อมที่จะให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือกับแนวทางการสืบสวนสอบสวน จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำทันทีไม่สืบจนลืม อย่างไรก็ตาม สถานศึกษาเป็นสถานที่ที่สร้างคน เป็นต้นแบบที่ให้เด็กและเยาวชนต้องเข้ารับการศึกษา ดังนั้นเมื่อผู้นำกระทำการในลักษณะเช่นนี้จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจัง รัดกุมและดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างรอบคอบที่สุด ขณะที่การที่ สพป.ขอนแก่น เขต 4 มีคำสั่งย้าย ผอ.รร. ที่ถูกร้องเรียนไปปฏิบัติหน้าที่อีกโรงเรียน และคนในชุมชนไม่ต้องการ และมีคำสั่งย้ายไปช่วยราชการที่ สพป.ขอนแก่น เขต 4 โดยมีคำสั่งระบุว่าย้ายไปดำเนินโครงการ 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ โดยไม่ได้เป็นการบ้านเพื่อสืบสวนสอบสวนหรือย้ายเพราะถูกร้องเรียน ในประเด็นนี้ได้รับทราบเรื่องและจะมีการตรวจสอบว่าเอื้อประโยชน์ให้กันด้วยหรือไม่ เพิ่มเติมเข้าไปด้วย.