ยังคงเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ต่างพากันให้ความสนใจ และจับตามองกันอยู่ในขณะนี้ สำหรับเรื่องราวของ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์คนดัง หุ้นส่วนคลินิกเสริมความงามชื่อ “อิส คิวท์ คลินิก” (Est Cute Clinic) สาขาห้วยขวาง หลังเข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ว่าถูก น.ส.อาลินดา (สงวนนามสกุล) ใช้เอกสารใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์หญิงท่านอื่น มาสมัครเป็นแพทย์ผู้ให้บริการของคลินิก จนเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

ซึ่งพิมรี่พายเล่าว่าหมอแพทมาสมัครงานที่คลินิกพร้อมเอกสารครบถ้วน เช่น บัตรประชาชน, ใบประกอบวิชาชีพ (ซึ่งเป็นชื่อ-นามสกุลของหมอหยก) โดยวันมาสมัครงานหมอแพทใส่แมสก์ แต่ทางฝ่ายรับสมัครก็เห็นว่าหน้าเหมือนในรูป ซึ่งหมอแพทอ้างว่าเคยทำงานคลินิกดังหลายแห่งพร้อมระบุชื่อ พร้อมโชว์ภาพประกอบการทำงานต่าง ๆ ที่ดูน่าเชื่อถือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด หมอหยก ผู้เสียหายที่ถูกแอบอ้างชื่อ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ขอพูดในฐานะผู้เสียหายหน่อยนะคะ สืบเนื่องมาจากการไลฟ์ของคุณพิมรี่พายเมื่อวานนี้ หยกรู้สึกไม่สบายใจกับการที่ถูกเอาเอกสารข้อมูลส่วนตัวมาไลฟ์โดยไม่บอกกล่าว (ถ้าทราบจะขอให้เบลอข้อมูลส่วนตัวก่อน) ทำให้มีนักข่าวได้ข้อมูลจากตรงนี้และบุกไปรบกวนคุณพ่อคุณแม่ถึงที่บ้าน แล้วยังไปรบกวนคลินิกที่หยกเคยทำก่อนที่จะมาต่างประเทศอีก

ตั้งแต่เกิดเรื่อง หยกไม่เคยได้รับการติดต่อจากทาง est cute clinic หรือทางคุณพิมรี่พายแต่อย่างใด ตามที่ให้ข่าวบอกว่าติดต่อหยกไม่ได้ ซึ่งหยกมีช่องทางให้ติดต่อและใช้ชี้แจงตามที่สื่อต่างๆ ได้แชร์ไป ถามว่าหยกต้องการอะไร คุณพิมรี่พายก็ขอโทษ (ผ่านสื่อ) ทำไมไม่ไปฟ้องคนที่ปลอมแปลงเอกสาร และแอบอ้าง อันนี้ไม่ต้องห่วงนะคะ ทุกอย่างไปตามขั้นตอนทางกฎหมายอยู่แล้วค่ะ

แต่หยกก็ยังหวังจะเห็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจจากทางคลินิกและทางคุณพิมรี่พายนะคะ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในฐานะผู้ประกอบการของวิชาชีพทางการแพทย์ทั้งหลาย เจ้าของคลินิกและผู้มีใบอนุญาตประจำคลินิกมีหน้าที่ตรวจสอบและคัดกรองคนที่จะเข้ามาทำงานในคลีนิคของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์อย่างละเอียดถี่ถ้วน มิใช่เพียงแค่อ้างว่าใส่แมสทำให้ไม่เห็นหน้าตา หรือเชื่อถือเพียงแค่เอกสารไม่กี่แผ่น โชคดีที่ครั้งนี้มีคนทราบว่าคนที่ทำงานในคลีนิคดังกล่าวเป็นหมอปลอมและยังไม่มีคนไข้คนไหนได้รับอันตราย

อันตรายดังกล่าวจากการฉีดกับหมอปลอมมีตั้งแต่ปวดบวมเล็กน้อย ไปจนถึงเข้าเส้นเลือด ผิวหนังไม่มีเลือดมาเลี้ยง ตาบอด ฯลฯ อยากให้ลองคิดตามว่า หากมีใครเป็นอะไรขึ้นมา แล้วสังคมเข้าใจว่าหยกเป็นคนทำ แบบนี้หยกจะมีที่ยืนในสังคมได้อย่างไร ความน่าเชื่อถือและสิ่งที่สะสมมา การพิสูจน์ตัวตนเข้าทำงานในอนาคต กระทบหมดเลยนะคะ

ตอนที่หยกแสดงตัวว่าเป็นหมอตัวจริงโดนแอบอ้าง ยังมีคนกล่าวหาว่าหยกเป็นหมอปลอม ด่าทอด้วยคำพูดหยาบคาย เรื่องที่เกิดขึ้นกระทบต่อชื่อเสียงและจิตใจมากจริงๆ ..ช่วยเข้าใจหน่อยนะคะ ที่ต้องออกมาโพสต์แบบนี้”..