เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ว่า ข้อมูลของวันที่ 18 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 100 ราย โดยตรวจพบผู้ติดเชื้อในเรือนจำสีแดง 42 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 58 ราย  หายป่วยเพิ่ม 202 ราย รวมมีผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 36,399 ราย หรือ 93% ของผู้ติดเชื้อสะสม 39,164 ราย และมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 2,424 ราย ในเรือนจำที่พบการแพร่ระบาด 18 แห่ง แยกเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 648 ราย หรือ26.7% (2) ปริมณฑล 901 ราย หรือ 37.2% และ (3) พื้นที่ต่างจังหวัด 875 ราย หรือ 36.1% โดยเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว72.6% สีเหลือง 26.4% และสีแดง 1% ของผู้ติดเชื้อระหว่างรักษา ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตติดต่อกันเป็นวันที่ 9 ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 47 ราย หรือ 0.1%

นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า การตรวจพบเชื้อผู้ต้องขังวันนี้ ส่วนใหญ่ตรวจพบในห้องแยกกักโรคซึ่งเป็นผู้ต้องขังรับใหม่โดยเริ่มพบการกระจายมากขึ้นตามพื้นที่การแพร่ระบาดของเชื้อภายนอก ซึ่งได้เน้นย้ำให้ผู้บริหารเรือนจำและทัณฑสถาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน ยกระดับการเฝ้าระวังและป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด พร้อมจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามเรือนจำบริเวณภายนอก เพื่อรองรับกรณีที่พบผู้ต้องขังติดเชื้อในระยะแยกกักโรค และไม่สามารถนำส่งต่อไปรักษายังสถานพยาบาลภายนอกได้

ส่วนสถานการณ์วัคซีนปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ ได้รับการจัดสรรวัคซีนมาแล้วจำนวน 103,044 โดส ทั้งจากกรมควบคุมโรค 86,089 โดส วัคซีนพระราชทาน 6,400 โดส และแหล่งอื่น 10,555 โดสซึ่งได้ดำเนินการเริ่มฉีดให้แก่ผู้ต้องขังไปแล้ว เข็มที่ 1 จำนวน 44,393 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 41,463 ราย ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างประสานไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อทยอยฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมครบทั้งหมดในระยะต่อไป