หลังเกิดมรสุมเรื่องคุกคามทางเพศ และพรรคก้าวไกล “จัดการตามเหมาะสม” ไปแล้ว ก็เกิดเรื่องขึ้นมาอีก เมื่อเพจ “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร”จับผิด สส.ซัน นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็น สส.บุคลิกแนวเกรียนใสๆ ชอบคิดทำอะไรกวนใจทหาร มักถูกแซวเรื่องลักแกงในงาน ว่า “หนีเกณฑ์ทหารและใช้ใบ สด.43 ปลอม” ซึ่งไม่ใช่ว่าเพจนี้เพิ่งเล่น แต่มันมีกระแสมาเรื่อยๆ สักพักแล้ว ทางเพจอ้างจุดสังเกตอาทิ ใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ( ซึ่งต่อมา ชาวเน็ตเขาก็เอา สด.43 ของตัวเองที่ไม่ปั๊มนิ้วมา หรือไม่แน่ว่าหมึกมันเลือนก็ได้ ) นายจิรัฏฐ์เอาใบ สด.43 มาโชว์ ยืนยันทำนองว่า ไปล่าช้า ก็ไปเสียค่าปรับ แล้วก็เกณฑ์ได้เอกสารมาปกติ

ทั้งนี้ นายจิรัฏฐ์บอกว่า เขาจะทำเอกสารปลอมขึ้นมาทำไม ? ถ้ามีปัญหาจริงก็เรียกว่าคดีขาดอายุความแล้วด้วยซ้ำ  ก็เลยมีคนมาอธิบายในเนตว่า คดีหนีทหารอายุความ 10 ปี แล้วในช่วงนั้น ถ้าไปสมัครงานอะไรแล้วไม่มีใบผ่านทหารก็สมัครไม่ได้ ก็ต้องอยู่เงียบๆ ทำกิจการส่วนตัวที่เขาไม่เรียกหาเอกสารราชการนี้ไป

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.แหล่งข่าวจากกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณี การตรวจสอบ ใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ ว่า “ไม่มีต้นขั้วใบสด. 43 ที่ตรงกับของนายจิรัฏฐ์ และในช่วงที่นายจิรัฏฐ์ถูกเรียกให้มารายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองประจำการ ใช้ชื่อว่านายนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ แต่ในใบสด. 43 ที่เขานำมาโชว์สื่อเป็นชื่อนายจิรัฏฐ์   ซึ่งหากมีการเปลี่ยนชื่อ  ต้องนำใบเปลี่ยนชื่อ จากที่ว่าการอำเภอหรือเขตมาแสดงต่อ สัสดี เพื่อเปลี่ยนชื่อให้ตั้งแต่ตอนแรกก่อนออกใบ สด.43 เนื่องจากหากลงชื่อในใบสด.43 ไปแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อได้” ทาง พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ( ผบ.นรด.) ระบุว่า ขณะนี้กองทัพบก อยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐาน แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเกี่ยวกับเอกสารเท็จ ส่วนความผิดจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับศาล

จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ เปิดประวัติ สส. ก้าวไกล เกม

นายจิรัฏฐ์ ได้ออกช่องสื่อในคืนวันเดียวกันนั้นเองว่า  เอกสาร สด.43 ของตัวเองจริงแน่นอน 100% เพราะรับมาจากมือเจ้าหน้าที่ ในสถานที่ราชการ ไม่รู้ว่ามันจะปลอมอย่างไร สมมติว่าหนีทหารจริง มันก็หมดอายุความไปแล้ว จะปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้ตัวเองเสี่ยงไปทำไม จะกล่าวหาตนว่าปลอมแปลงเอกสารในคดีที่หมดอายุความไปแล้วหรือไม่ มันไม่เมคเซ้นส์  เท่าที่อ่านข่าว นรด. ระบุว่าไม่เจอคนที่ชื่อนวรินทร์ซึ่งเป็นชื่อเก่า  ไม่เจอต้นขั้ว ตนคิดว่าก็ไม่แปลก แต่ถ้าไม่เจอต้นขั้วจิรัฏฐ์ อันนี้ตนว่าแปลก เป็นการกลั่นแกล้งตนหรือไม่ ทำต้นขั้วตนหายหรือไม่ เพราะมีเลขกำกับอยู่

“มีลายเซ็นรับรองความถูกต้อง พันเอก พันโท พันเอก พันโท 5 คน ซึ่งมันไปตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าปี 2554 ใครมาประจำที่เขตนี้ ดูลายเซ็นก็รู้แล้ว แล้วถ้าบอกว่าเอกสารของผมไม่ครบองค์ประกอบ ก็ต้องไปถาม 5 คนที่เขาเซ็นรับรองความถูกต้องสิ มาถามอะไรผม  จะมาตรวจสอบตน ก็ยินดีอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องมาเล่นข่าวบิดเบือนให้มันเปลี่ยนประเด็น เรื่องนี้ อยู่ดีๆมีคนสงสัยว่า สส.หนีทหาร แถมเป็น สส. ฝ่ายค้านด้วย ไม่ถึง 2 วัน ตั้งโต๊ะแถลงเป็นฉากๆ บริการข้อมูลอย่างดี รวดเร็วมาก แล้วคำถามอื่นๆ ที่ผมถาม ที่สังคมถาม ผมเป็นผู้แทน เป็นตัวแทนประชาชนด้วย มีหน้าที่ตรวจสอบ ถามอะไรไปทำไมไม่ตอบ ไม่แถลงบ้าง

นายพลมีกี่คน ไม่แถลงเหรอครับ สนามกอล์ฟ โฆษกก็ยืนยันเองว่าเปิดบริการให้ประชาชนใช้ เป็นธุรกิจชัดเจน แต่ไม่เคยส่งให้คลังสักบาท ไม่แถลงล่ะ คนสงสัยทั้งประเทศ เรื่องนี้ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ 2 วันติด ไม่เห็นแถลง สนามมวยมีรายได้เท่าไหร่ เงินไม่เข้าประเทศสักบาทเดียว ไม่แถลงล่ะ ปั๊มน้ำมัน 150 ปั๊ม มีไปทำไม เอาเงินไปเข้ากระเป๋าใคร ไม่แถลง เงียบกริบ รายได้ปีละเป็นหมื่นล้านเข้ากระเป๋าใคร แถลงดิ เอ้อ” นายจิรัฏฐ์ กล่าว พร้อมย้ำว่า จะปลอมแปลงเอกสารให้ตัวเองมีความผิดทำไม อยู่ดีไม่ว่าดี ในเมื่อคดีหมดอายุความไปแล้ว 

แต่เมื่อถามว่า ไม่ได้ไปจับใบดำใบแดงหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ตอบว่า  “ผมยืนยันตามที่พูดไปหมดแล้ว ว่าได้ใบ สด.43 มาอย่างไร ยืนยันว่าไม่ได้โกหก ผมไม่ได้ทำแบบนั้นเลยจริงๆ และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ไม่มีใครเสียหายด้วย  ผมเปลี่ยนชื่อมาเป็นจิรัฏฐ์ก่อนเกิดเรื่อง 4-5 ปี ย้ำว่าไม่ได้หนี อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้ย้ายไปไหน  โรงพักก็ไม่ได้ไกลจากบ้านครับ ถ้าหนีทหาร เขาต้องมาจับแล้ว  จากนี้ ก็รอเขาตรวจสอบ ผมบอกว่าเอกสารจริงก็ไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเป็นคนตรวจสอบ ไม่ใช่ให้ผมมายืนพิสูจน์ความจริง ไม่กังวลว่าจะต้องหลุด สส. เพราะได้รับเอกสารจากเจ้าหน้าที่จริงๆ ถ้าบอกว่าปลอม แล้ว 5 คนที่เซ็นรับรองให้เขาปลอมเอกสารให้ผมหรือเปล่า” พร้อมทิ้งท้ายว่า อย่าเบี่ยงประเด็น อย่าเบี่ยงประเด็น ต่อให้ไม่มีนายจิรัฏฐ์  ข้อเท็จจริงที่เรียกร้องไว้ก็ยังอยู่

ใบ สด.43 คืออะไร? เอกสารพ้นภาระทหาร มีความหมายอะไรกับชายไทย

เรื่องนี้เอาจริงๆ คือ มันยังด่วนสรุป ด่วนตัดสินอะไรไม่ได้ ว่ามีความผิดจริงหรือไม่ เพราะมันก็มีประเด็นการเมืองอยู่ จากที่นายจิรัฏฐ์นี่ต้องการตรวจสอบกองทัพมาก ล่าสุดก็เพิ่งจะขอไปดูบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี …

อย่างไรก็ตาม“ระบบการหนีทหาร”มันทำได้ตั้งหลายแบบ ไม่กี่ปีก่อนเขาก็บอกทำนองว่า เอาเงินยัดก็มีการออกใบเหตุผลอะไรให้ไม่ผ่านเกณฑ์แล้ว หรือบางทีเราก็เจอข้ออ้างประเภทเป็นหอบหืด นิ้วก้อยสั้น กระดูกคด อะไรพวกนี้ แต่ถ้าจะแอ๊บเป็นกะเทยไป อ้างเพศสภาพไม่ตรงเพศกำเนิดนี่เขาจับตรวจห้องต่างหาก  

ตอนนี้นอกจากนโยบายลดขนาดกองทัพ ลดนายพล พรรคก้าวไกลก็กำลังจะแตะเรื่องผลประโยชน์ทหาร ก่อนหน้านี้  พรรคก้าวไกลได้ยื่นญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ ( กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้าที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพ ไปอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงการถ่ายโอนธุรกิจต่างๆของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล ตามที่ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้เสนอ ซึ่งทุบกล่องทองกองทัพโดยตรง

น.ส.เบญจา กล่าวว่า  แหล่งขุมทรัพย์กองทัพที่เป็นความมั่งคั่งของนายพลหลายคนจนมีบัญชีทรัพย์สินหลายร้อยล้านบาท ขุมทรัพย์กองทัพที่เป็นเส้นทางเศรษฐีนายพลคือ 

1.ที่ราชพัสดุ กองทัพมีที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศ 7.5 ล้านไร่ และธุรกิจอื่นๆเช่น สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า นำที่ดินกองทัพไปจัดสรรให้กำลังพลซื้อบ้าน ใครจะร่วมโครงการกู้เงินซื้อบ้านต้องมีผู้บังคับบัญชาเซ็นให้ ผู้ได้ประโยชน์จากการเอาที่ดินรัฐไปให้กำลังพลคือ ผู้บังคับบัญชาที่สูบเลือดสูบเนื้อจากชั้นผู้น้อย 

2.บอร์ดรัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง มีทหารมาเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ไม่ตรงความชำนาญทหาร ทั้งบอร์ดรถไฟ ท่องเที่ยว ปตท. ธนาคาร บางคนเป็นบอร์ดหลายแห่ง งานสบาย ได้เงินหลายตำแหน่ง ไม่เคยตรวจสอบได้

3.งบกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีหน่วยใดตรวจสอบได้ เป็นต้นเหตุทุจริต มีเงินทอนซื้ออาวุธ มีการตั้งบริษัทของทหารรับงานในกองทัพ ( ก็ไม่รู้ว่าหมายรวมถึงบริษัทหลานบิ๊กตู่ด้วยหรือไม่ )  

4.คลื่นวิทยุโทรทัศน์กองทัพ 205 คลื่น มากสุดในประเทศ ได้เงินมหาศาล แต่ไม่เคยเปิดเผยเงินค่าเช่าคลื่น ขณะที่ค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัล ททบ.5ได้ค่าเช่าโครงข่าย 1,008 ล้านบาทต่อปี เป็นเสือนอนกินรับรายได้จากคลื่นวิทยุ-โทรทัศน์มหาศาล 

5.ขุมทรัพย์ธุรกิจพลังงาน ทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า โซลาร์ฟาร์ม ที่กองทัพมีกิจการเป็นของตัวเอง

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตอนหนึ่งว่า ธุรกิจกองทัพไม่ใช่หน้าที่ทหาร ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงประเทศ แต่เป็นกลไกให้กองทัพมาพัวพันกับการเมืองและเศรษฐกิจในลักษณะรัฐซ้อนรัฐ เป็นแหล่งรายได้นอกระบบของนายพล เป็นวัฒนธรรมสกปรกที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ขาดความโปร่งใส แม้แต่องค์กรอิสระก็น้ำท่วมปาก ธุรกิจกองทัพเป็นส่วนหนึ่งที่บ่อนทำลายความมั่นคงประเทศ ผลการประเมินดัชนี Government Defence Integrity Index 2020 (จีดีไอ)เป็นดัชนีชี้วัดคอร์รัปชั่นกองทัพและหน่วยงานความมั่นคง ไทยถูกประเมินอยู่ระดับเสี่ยงมาก ประชาชนเข้าไม่ถึงงบประมาณกองทัพ สะท้อนว่า กองทัพปัจจุบันขาดสำนึกว่า เงินที่ใช้จ่ายทุกวันนี้คือ ภาษีประชาชน ไม่เคยให้ความร่วมมือผู้ตรวจการแผ่นดิน และกมธ.ทหาร

วิโรจน์ ทวีต ไม่ต้องส่งใครมาเคลียร์ กอดเงินไว้แน่นๆ แล้วรอ ปปง. มายึดทรัพย์

“เดี๋ยวจะรู้ว่า ประธานกมธ.ทหารชื่อวิโรจน์ จะจัดการกับรมว.กลาโหม ชื่อสุทิน คลังแสง อย่างไร หลายครั้งกองทัพไม่ให้ข้อมูลกมธ.ทหาร ผมจะส่งหนังสือถึงนายสุทินให้เร่งส่งข้อมูลมาที่ กมธ.ทหาร จะมีเส้นตายเพื่อยืนยันว่า หากยังไม่ส่งมา นายสุทินมีเจตนาไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ต้องห่วง เจออภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เคยรู้หรือไม่ งบกระทรวงกลาโหมถูกยกเว้นการรายงานตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ต่างจากรกระทรวงอื่น ประชาชนไม่รู้ว่า ธุรกิจกองทัพมีรายได้เท่าไร อย่าบอกแค่ อุ๊ย!รับไม่ได้ เพราะประชาชนรับไม่ได้มานานแล้ว จึงขอสนับสนุนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางในการคืนธุรกิจกองทัพให้รัฐบาล”นายวิโรจน์กล่าว

สุดท้าย ที่ประชุมเห็นพ้องกันให้ตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่น จำนวน 25 คน ขึ้นมาพิจารณาญัตติดังกล่าว โดยพรรคก้าวไกลเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมเป็นกมธ.วิสามัญฯในชุดดังกล่าวด้วย มีระยะเวลาพิจารณา 90 วัน ก็เป็นเรื่องดีใน การศึกษาโอนขุมทรัพย์กองทัพให้รัฐดูแล แต่เอาจริงทำได้แค่ไหนอีกเรื่อง

ส่วนพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่รักษาเรื่องมาตรฐานทางการเมืองดีมาโดยตลอด อย่าให้ใครรีบออกตัวว่านายจิรัฏฐ์โดนแกล้ง ก่อนความจริง หรือผลการตัดสินของศาลปรากฏ

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”