ที่ผ่านมา นายทักษิณถูกพิพากษาจำคุก จาก 1. คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ ตัดสินเป็นคดีแรกเมื่อ 23 เม.ย. 2562 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2. คดีหวยบนดิน ตัดสินเป็นคดีที่ 2 เมื่อ 6 มิ.ย. 2562 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่ได้ขอให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบงก์ 3. คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป ตัดสินเป็นคดีที่ 3 เมื่อ 30 ก.ค. 2563 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 5 ปี และให้นับโทษต่อจากคดี เอ็กซิมแบงก์ (คดีที่ 1) และหวยบนดิน (คดีที่ 2) เนื่องจากคดีหวยบนดิน ไม่ได้มีการให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบงก์ รวมจำคุกแปดปี

ต่อมา นายทักษิณได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ลดโทษเหลือ 1 ปี ซึ่งระเบียบราชทัณฑ์ให้พักโทษได้หลังได้รับโทษกึ่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่หมายถึงพ้นโทษ ทำให้นายทักษิณสามารถขอพักโทษด้วยเหตุแห่งอายุมาก และอาการเจ็บป่วยได้ใน 180 วันที่ต้องถูกคุมขัง แต่ที่สุด นายทักษิณก็ไม่เคยถูกคุมขังจริง ไปนอนโรงพยาบาลตำรวจเสีย 180 วัน ซึ่งเรื่องนี้ ก่อนอดีตนายกฯ กลับไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดัง เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “นายทักษิณไม่ได้อยู่คุกหรอก เขาเตรียมโรงพยาบาลตำรวจไว้ให้”

ย้อนอดีตไปร่วม 20 ปี ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นบุคคลที่มีชีวิตที่หวือหวา สร้างสีสันทางการเมืองอยู่ไม่น้อย ในด้านที่เป็นผลประโยชน์แผ่นดินก็มาก นายทักษิณถือธงนำพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรคใหม่ชนะการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลทักษิณ 1 ได้สำเร็จ แต่ก็กลับมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ เพราะถูกร้องเรื่องซุกหุ้นไว้ที่คนใช้กับคนขับรถ ซึ่งกรณีนี้กลายเป็นกรณีคลาสสิคในการหาข่าว เพราะผู้สื่อข่าวสังเกตรายชื่อเศรษฐีหุ้นไทย พบชื่อ “บุญชู เหรียญประดับ” และ “วิชัย ช่างเหล็ก” จึงทำทีเป็นโทรเข้าเบอร์บ้าน จนทราบว่า “บุญชู” เป็นแม่บ้านของบ้านนายทักษิณ

นำไปสู่การสู้คดีพักหนึ่ง ทั้งในชั้น ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ และสุดท้าย นายทักษิณก็ชนะคดีด้วยเสียงข้างมาก ด้วยวลีคลาสสิค “บกพร่องโดยสุจริต” ..ในขณะนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ขององค์กรอิสระอย่างมาก จนเกิดเป็นข้อครหาว่า ต่อไปการแทรกแซงองค์กรอิสระ ให้“ซื้อตัว”กรรมการให้ได้เสียงข้างมากพอ ไม่ต้องซื้อหมด แล้วก็ให้สังเกตดูว่าคดีของคนพรรคไทยรักไทยที่หลุด ถ้าไม่หลุดแบบเอกฉันท์ ก็จะแบ่งกรรมการสองฝ่ายแบบหน้าเดิมๆ ..นายทักษิณ เป็นนายกฯ ที่ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีแต่รัฐมนตรีโดน เพราะเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 การขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เป็นเรื่องยากที่ต้องใช้ สส.เข้าชื่อมากกว่าฝ่ายค้านที่มีในขณะนั้น

ในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรก นายทักษิณก็หาทางเบี่ยงประเด็นออกไปให้คนไม่สนใจการอภิปรายได้ โดยประกาศจะซื้อทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล ใช้วิธีออกหวยชนิดพิเศษเพื่อระดมทุน ใครถูกรางวัลได้เงินเป็นร้อยล้าน ตอนนั้นคนตื่นเต้นกันใหญ่อยากรวยไม่รู้เรื่อง เตรียมซื้อหวยลิเวอร์พูล แต่ตอนหลังก็ไม่ได้มีการออกหวยพิเศษดังกล่าว ทำนองว่า มีผู้นำแนะว่าไม่ควรทำ เพราะการพนันจะมอมเมาประชาชน

นายทักษิณเป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกอย่างหนึ่ง คือ การควบรวมพรรค บริหารไปได้สักพักก็จะควบรวมพรรคอื่นๆ มาเป็นพรรคไทยรักไทยหมด เช่น พรรคความหวังใหม่ กิจสังคม ขณะนั้น พรรคชาติพัฒนาไม่ยอมควบรวมพรรคด้วย เลยมีการปลดพรรคชาติพัฒนาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลกลางอากาศ คือขณะที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคยังอยู่ที่อังกฤษ นักข่าวต้องไปดักรอสัมภาษณ์ถึงดอนเมืองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง .. ทำให้เกิดลักษณะการเมืองหลายมุ้ง หลายกลุ่มก้อนในพรรคเดียว และมีการต่อรอง“โควตากลุ่ม”ต่อเก้าอี้รัฐมนตรี

ในด้านการทำงาน ผลงานที่เป็นที่จดจำที่สุดของนายทักษิณ คือ 30 บาทรักษาทุกโรค คือการปฏิรูประบบสุขภาพเพื่อคนจนที่ยังได้รับการยกย่องมาถึงวันนี้ และกำลังจะพัฒนาเป็นบัตรประชาชนรักษาที่ไหนก็ได้ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ขณะนั้นคนสงสัยว่า “ทำไมต้อง 30 บาท” คำตอบคือ “นึกเอาซึ่งๆ หน้าจากค่าทางด่วนตอนนั้น” ซึ่งกลายเป็นชื่อโครงการได้รับการจดจำอย่างมาก ถ้าใช้คำว่ารักษาฟรีนี่คงไม่ดังมาถึง 20 ปีขนาดนี้

ผลงานต่อมาคือ การส่งเสริม 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์หรือโอทอป ให้แต่ละท้องถิ่นมีของดีประจำจังหวัดไว้ขาย โปรโมทให้น่าสนใจ จัดงานมหกรรมขายที่เมืองทองธานี และโอทอปก็ยังเป็นสิ่งที่รัฐบาลต่อๆ มาใช้ไปเรื่อย จนรัฐบาลนี้พัฒนาให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ แนวๆ เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ลงไปในเนื้องาน เพื่อยกระดับสินค้าสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น

ผลงานต่อมา คือ การนำหวยใต้ดินมาอยู่บนดิน ซึ่งทำให้รัฐบาลเก็บรายได้จากหวยใต้ดินขายเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวไปได้มากอยู่ นายทักษิณได้เอาเงินหวยเหล่านั้นมาเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ โดยให้เลือกเรียนในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพื่อขยายฐานความรู้ด้านภาษาของเด็กไทย ต่อมา เมื่อมีการรัฐประหาร หวยบนดินถูกยกเลิกไปอย่างน่าเสียดาย ทำนองว่า เงินตรงนี้ไม่เข้าสู่ระบบคลังอย่างถูกต้อง ซึ่งถูกมองว่า “เพราะกลัวผีทักษิณ” รัฐก็เสียรายได้ไป โอกาสที่เด็กจะได้ทุนการศึกษาไปต่างประเทศก็ลดลงไปอีกทาง ..ซึ่งถ้ารัฐบาลนี้จะเอากลับมาทำใหม่ก็เป็นเรื่องดี มีทางเลือกในการใช้จ่ายเงินทั้งเพื่อส่งเยาวชนเรียนนอก หรือไม่ก็เป็นเงินเพื่อสวัสดิการในสังคมผู้สูงอายุ

ที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงกันอย่างมากอีกอย่างทั้งแง่บวกแง่ลบ คือ นโยบายปราบปรามยาเสพติด ขณะเป็นนายกฯ นายทักษิณได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสามคณะ คือ ปราบปรามยาเสพติด ปราบปรามความยากจน ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งการปราบปรามยาเสพติดเป็นไปอย่างดุเดือดในสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 ว่ากันว่า มีคนถูก“ฆ่าตัดตอน”มากมายนับพันคน ฆ่าตัดตอนเพื่อไม่ให้สาวถึงผู้ค้ารายใหญ่ หรือกระทั่งมีการฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยอาศัยสถานการณ์ขณะนั้นให้โยงว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ปริมาณยาเสพติดลด ยาเสพติดราคาแพงอันหมายถึงหายาก แต่ผลจากข้อครหาฆ่าตัดตอน มีการเรียกร้องให้องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเข้าสอบสวน

ในช่วงรัฐบาลทักษิณ 1 ถือว่าเศรษฐกิจดี ซึ่งก็แล้วแต่จะคิดกันว่า เพราะอะไร หลายคนว่ามันคือธรรมดาที่เศรษฐกิจโลกกระเตื้องขึ้นหลังต้มยำกุ้ง แต่ส่วนหนึ่งมันก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาล นายทักษิณมีการทำสงครามปราบปรามความยากจน ทำเป็นเรียลลิตี้โชว์ไปอาศัยที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด และเป็นนายกฯ ..น่าจะคนแรกที่จัด “ทัวร์นกขมิ้น” คือเดินสายไปตรวจราชการหลายจังหวัดแบบค่ำไหนนอนนั่น ประชาชนสามารถเข้าถึงนายกฯ ได้ง่าย ประกอบกับเศรษฐกิจก็ดีขึ้น ทำให้มีคนรักนายทักษิณมากมาย

สีสันอีกอย่าง ที่ทำให้“คนกลางคืน”ไม่ชอบรัฐบาลทักษิณนัก คือ นโยบาย “จัดระเบียบสังคม” ตรวจสถานบริการกลางคืนถี่ๆ เพื่อป้องกันเยาวชนมั่วสุม ยาเสพติด และการค้าประเวณี คนที่ทำเรื่องนี้คนแรกคือ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ จนได้ฉายามือปราบสายเดี่ยว และต่อมา นายประชา มาลีนนท์ เข้ามาเป็น มท.2 ก็สานต่อ เรื่องนี้เคยทราบจากคนกลางคืนว่า ทำให้สถานที่เที่ยวซบเซาลงไปพอสมควร บางแห่งที่เคยเป็นที่นิยมในหมู่นักเที่ยวก็ปิดตัวไปกลายเป็นตำนาน

แต่นโยบายที่นายทักษิณถูกวิจารณ์ว่าทำพลาด และทำให้ความรุนแรงไม่จบคือเรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ ที่ว่ากันว่า ใช้การทหารนำ จนทำให้ในพื้นที่เกิดปัญหา และเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนจากค่ายทหารในช่วงรัฐบาลทักษิณ 1 แต่อดีตนายกฯ ก็ยังบอกว่า“โจรกระจอก” เกิดเหตุการณ์ต่อสู้กราดยิงในมัสยิดกรือเซะ และเหตุการณ์จับผู้ชุมนุมที่ตากใบให้นอนทับๆ กันไปในรถจนขาดอากาศหายใจตาย ยิ่งสุมไฟสถานการณ์ ในที่สุดก็ต้องหาทางพยายามเยียวยา ถอดบทเรียนแก้ไขปัญหา และต้องให้มีกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับภาคประชาชนในพื้นที่มากขึ้น  

แล้วต่อมา เมื่อครบวาระ พรรคไทยรักไทยสามารถชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย 19 ล้านเสียง ได้ สส.377 คน สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ บริหารได้ไม่เท่าไร ก็มีปัญหาเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กลุ่มเทมาเสคของสิงคโปร์แบบใช้เทคนิคจนถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษี ตอนนั้น นายทักษิณได้ให้นายสุวรรณ วลัยเสถียร กุนซือด้านการเงินมาแถลงข่าว และกลายเป็นที่ฮือฮาในประโยคสุดท้าย ที่ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นทางจริยธรรม ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้เตรียมมาตอบเรื่องนี้

เกิดการปลุกกระแสต่อต้านนายทักษิณ โยนสถานะคนโกงให้ มีการก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.) นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล , พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ชุมนุมขับไล่นายทักษิณไปทั่วเมือง และมีการเอาข้อความบางอย่างที่นายทักษิณพูดไปตีว่าเป็นการไม่บังควร นายทักษิณประกาศคลี่คลายสถานการณ์โดยการยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่เกิดการบอยคอตเลือกตั้ง โดยพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคคู่แข่งหลักไม่ส่งผู้สมัคร ด้วยเหตุผลว่า นายทักษิณต้องการผลเลือกตั้งมาชุบตัวแทนการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ กกต.ชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ยืนยันจำเป็นต้องจัดเลือกตั้งตามกฎหมาย ขณะนั้นเกิดข้อร้องเรียนว่า มีการจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งแข่ง โดยกล่าวหาว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา แกนนำพรรคไทยรักไทยอยู่เบื้องหลัง

สุดท้ายการเลือกตั้งก็ไม่สำเร็จ ศาลปกครองสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเนื่องจากหันคูหาออกนอก แล้วสื่อจับภาพการกาบัตรได้ ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นความลับ และทั้ง พล.อ.ธรรมรักษ์ กับ กกต.ก็สู้คดีกันต่อไป

และจุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 ก.ย.49 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ขณะนั้น ลุกขึ้นมาทำรัฐประหาร โดยอ้างเหตุผลว่า ป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะของมวลชน เนื่องจาก พธม.จะเดินขบวนใหญ่วันที่ 20 ก.ย. แต่ขณะนั้นมีมวลชนสนับสนุนนายทักษิณอีกกลุ่มเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งว่ากันว่า นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทยอยู่เบื้องหลัง เมื่อรัฐประหารแล้ว ก็มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ( คตส.) ขึ้นมาตรวจสอบคดีทุจริตที่เกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาลทักษิณ

นี่คือช่วงครึ่งแรกของทักษิณ จากยุครุ่งเรืองที่สุด ก่อนจะเข้าสู่ยุคมรสุมถาโถม.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่