..ในการบริหารของอดีตนายกฯทักษิณเป็นยุคที่เศรษฐกิจดี เป็นยุคที่ราคายางพาราพุ่งมาก ทั้งที่พรรคไทยรักไทยไม่เคยได้ สส.ภาคใต้ ยกเว้นในการเลือกตั้งสมัยทักษิณ 2 ที่มีนายกฤช ศรีฟ้า ได้เป็น สส.พังงา เนื่องจากมีบทบาทช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่มากในคราวที่เกิดสึนามิปี 2546  

แต่ทักษิณก็ถูกวิจารณ์ตลอดว่า “ทอดทิ้งคนใต้” คือ ไม่ได้พัฒนาภาคใต้ให้ได้ดีเท่าภาคอื่นๆ ซึ่งมีประโยคๆ หนึ่งที่ทักษิณมักจะถูกหยิบมาโจมตีตลอดเวลา คือ ครั้งหนึ่ง ทักษิณเคยเดินสาย และถ้าจำไม่ผิด น่าจะไปพูดที่นครสวรรค์ว่า “ใครเลือกเราเราพัฒนาก่อน” เท่านี้ฝ่ายตรงข้ามก็โดดงับทันที หยิบขึ้นมาพูดถึงบ่อยๆ  ( จนถึงวันนี้ก็ยังมีการพูดว่าถนนภาคใต้ไม่ได้ดีเท่าภาคอื่น )  .. ซึ่งสมัยทักษิณ นายกฯ มักจะหลุดปากแล้วถูกโจมตีมาเป็นระยะ เช่น “โจรกระจอก” ตอนพูดถึงโจรใต้  ตอนถูกถามเรื่องสงครามยาเสพติด ว่า ทางสหประชาชาติ ( UN ) กำลังจับตา ก็สวนกลับว่า “ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ” จนโดนเอาไปตีข่าวมากมาย

และในช่วงมีการประกาศสงครามยาเสพติด ก็มีข่าวที่มีสีสันของทักษิณออกมาอีก นั่นคือ พ่อค้ายารายใหญ่ น่าจะเป็นชนเผ่ากลุ่มว้าแดง ตั้งค่าหัวนายกฯ ทักษิณ 80 ล้านบาท เป็นที่ฮือฮากันทั้งเมือง จนต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้นายกฯ  แต่ขณะนั้นนายชวน หลีกภัย ผู้นำฝ่ายค้าน ออกมาระบุว่า เมื่อตรวจสอบแล้วเป็นข่าวกรองระดับที่อยู่ในเกณฑ์ไม่น่าเชื่อถือ ..และสุดท้าย เรื่องนี้ก็เงียบหายไปตามที่อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พูด ..อย่างไรก็ตาม ก่อนเหตุการณ์ตั้งค่าหัวนายกฯ นี่ก็มีเหตุเครื่องบินที่ทักษิณจะเดินทางไปเชียงใหม่เกิดระเบิด  เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2544 เกิดเหตุระเบิดเครื่องบินการบินไทย โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ก่อนคณะของทักษิณออกเดินทางเล็กน้อย  เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ทักษิณพูดชัดว่า รายงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างชัดเจนว่า  สาเหตุของเครื่องบินระเบิดน่าจะมาจากวัตถุระเบิดที่มีผู้นำมาติดไว้ที่ใต้ท้องเครื่องบิน บริเวณที่นั่งวีไอพี เป็นการปองร้าย ไม่ใช่การก่อการร้าย ไม่ทราบว่าปองร้ายใคร ส่วนคนที่ทำนั้นสิ้นคิด ไม่ต้องทำกับนายกรัฐมนตรี ทำกับใคร ประเทศชาติก็เสียหาย ทางตำรวจก็ตั้งกรรมการสอบว่า เป็นการก่อวินาศกรรมของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ หรือขบวนการค้ายาเสพติด และฟันธงว่าเป็นการวางระเบิด

แต่ผลสรุปการสอบสวนของ “คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา(NTSB)” ซึ่งเป็นองค์กรการบินระดับโลก ระบุสาเหตุจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการเปิดแอร์ระหว่างเติมน้ำมัน สุดท้ายจึงมีแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลไทยกับ NTSB ว่า คาดว่าสาเหตุมาจากอุปกรณ์ทำความเย็นทำงานต่อเนื่องอย่างหนักได้ปล่อยความร้อนออกมา เป็นเหตุให้ถังเชื้อเพลิงที่อยู่เหนืออุปกรณ์ทำความเย็นเกิดระเบิด

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลืมเล่าไปอีกเรื่องหนึ่งที่ทักษิณประกาศทำสงครามด้วย คือ “ผู้มีอิทธิพล” ให้มีการขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ซึ่งบัญชีรอบแรกเป็นที่ฮือฮาปนขบขันกันไปพอสมควร เนื่องจากสำรวจว่า “จังหวัดชลบุรีไม่มีผู้มีอิทธิพล” ใครมันจะเชื่อ “บ้านใหญ่”ชลบุรีตอนนั้นใครล่ะ ?

จนมาสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เรื่องขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพลถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีก คราวนี้มอบหมายให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยดู ซึ่งก็ยังไม่เห็นผลงานชัดเจนว่า ขึ้นทะเบียนแล้วจะทำอะไร แต่เรื่องที่รัฐบาลส่งข่าวทุกวันในช่วงนี้คือเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และจะมีการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมผู้ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่ครอบครองปืน สิ่งเทียมอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้ส่งคืนให้กระทรวงมหาดไทยโดยไม่มีความผิด เป็นการลดการก่ออาชญากรรม ..เรื่องการคืนปืนนี้ถูกประโคมขึ้นหลังเกิดเหตุเยาวชนบุกเข้ากราดยิงในห้างสยามพารากอน เมื่อปีกลาย

แต่ถามว่า สมัยรัฐบาลทักษิณขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพลแล้วทำอย่างไรต่อ ก็ไม่ค่อยเห็นแอคชั่นอะไรชัด ที่ชัดกว่าคือเรื่องการปราบปรามยาเสพติด  ในช่วงรัฐบาลทักษิณ 1 เกิด“ทักษิณฟีเวอร์” คือเป็นนายกฯ ที่ใครๆ ก็ชื่นชม อยากได้อยากลองอะไรก็ได้ดังใจ ตอนนั้นทักษิณคิดว่า อยากทดลองขับเครื่องบิน  F-16 ดู ทอ.จัดให้ ซึ่งถ้าจำไม่ผิดได้ น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทยในวันนี้ เป็นนักบินพี่เลี้ยง มีคนแต่งเพลงแสดงความนิยมชมชอบทักษิณหลายเพลง ที่ดังติดหูคนที่สุดในตอนนั้นคือเพลง “สะใภ้นายกฯ” คืออยากเป็นแฟนโอ๊ค พานทองแท้

พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโตของทักษิณ ณ ขณะนั้นก็เป็นหนุ่มฮอต มีข่าวกับดาราสาวคือแอน อลิชา ไล่ศัตรูไกล , หยาดทิพย์ ราชปาล ..โอ๊ค พานทองแท้เคยชื่นชอบการถ่ายภาพอยู่พักหนึ่ง และออกโฟโต้บุ๊คมาเล่มหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเห็นขายในตลาด แต่มีการจัดงานเปิดตัวและมีนักการเมืองซื้อไป นอกจากนี้ โอ๊ค พานทองแท้ยังเปิดบริษัทชื่อฮาวคัม อารมณ์ประมาณบริษัทออแกไนเซอร์ และเป็นตัวแทนนำเข้าโทรศัพท์มือถือไฮโซยี่ห้อ vertu

ในช่วงรัฐบาลทักษิณ เป็นช่วงที่เรียกว่า “การเมืองนิ่ง” คือการต่อรองผลประโยชน์ เหลี่ยมคูทางการเมืองอะไรของพรรคร่วมรัฐบาลไม่ค่อยมี เพราะคะแนนนิยมทางการเมืองเทไปที่ทักษิณมาก ใครมีปัญหาเห็นทีอนาคตทางการเมืองไม่สวย รัฐบาลทักษิณ 1 เป็นรัฐบาลที่ปรับ ครม.บ่อยถึงสิบครั้ง และถูกวิจารณ์ว่า การให้เก้าอี้รัฐมนตรีกับบางคนเป็นการ“ต่างตอบแทน” ไม่ว่าจะเป็นนายทุน หรือคนที่เคยมีบุญคุณด้วย …รัฐบาลทักษิณ 1 มีเก้าอี้ที่ไม่เคยถูกปรับเลยคือนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข

รัฐบาลทักษิณ 1 ถูกวิจารณ์หนักเรื่องทุนเข้ามาแทรกแซงสื่อ ..แนวๆ ว่า ความที่เครือข่ายธุรกิจในพรรครัฐบาลเยอะ ทำให้ถ้าข่าวอะไรไม่ถูกใจรัฐบาลเข้า สื่อนั้นก็หาสปอนเซอร์ไม่ได้ สื่อเลยเลือกจะเซนเซอร์ตัวเองในบางเรื่อง ..ยุคนั้นสื่อก็มีแค่วิทยุ โทรทัศน์  หนังสือพิมพ์ ซึ่งพึ่งพารายได้จากโฆษณาทั้งสิ้น ยังไม่เข้าสู่ยุคอินเทอร์เนต ที่เปลี่ยนภูมิทัศน์สื่อแบบแทบจะโดยสิ้นเชิง ง่ายๆ จากการที่การเป็นสื่อต้องเป็นองค์กรใหญ่ กลายเป็นใครๆ ก็มีสื่อได้เพราะมีแพลตฟอร์มทางอินเทอร์เนตช่วยมากมาย เช่น ติ๊กตอก ยูทูป ..สื่อเดิมที่ไม่ปรับตัวก็ต้องทยอยล้มหายไป

ต่อมาในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 เมื่อเกิดกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.) เคลื่อนไหว ตามที่เล่าไปแล้วคือมีความพยายามจัดเลือกตั้งแต่ถูกบอยคอต สุดท้ายทหารเข้ายึดอำนาจโดยอ้างว่า จะมีม็อบปะทะกัน มีการตั้งรัฐบาล คมช.ขึ้นมาบริหารประเทศ ณ ขณะนั้น ระหว่างรอเขียนรัฐธรรมนูญปี 50 มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีเป็นนายกฯ ซึ่งได้ฉายาว่า เป็นรัฐบาลขิงแก่ อารมณ์แบบยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด แต่ก็ไม่ได้มีผลงานอะไรที่น่าจดจำนัก

ในช่วงนั้นพรรคไทยรักไทยถูกยุบ ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 111 คน ทำให้เกิดสภาพแตกกระเซ็นไปหมด สายทักษิณที่ยังเหลืออยู่ไปอยู่พรรคพลังประชาชน บางส่วนแยกตัวไปอยู่พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย และสุดท้าย พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกฯ ..ซึ่งนโยบายที่ออกมาแล้วโดนใจประชาชนคือรถเมล์ฟรี ขณะนี้ก็ยังมีการเรียกร้องให้มีรถเมล์ฟรีอยู่ ขณะเดียวกัน คดีของทักษิณที่ทั้ง ป.ป.ช.,คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ( คตส.) ก็ทยอยขึ้นศาล และนายทักษิณออกนอกประเทศไปก่อนการอ่านคำพิพากษาคดีซื้อที่ดินรัชดา  

ขบวนการสกัดทักษิณออกจากการเมืองยังไม่หยุด มีการยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญปลดนายสมัครออกจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากไปจัดรายการชิมไปบ่นไปแล้วถูกตีความว่าเป็นลูกจ้าง ..ต่อมา มีการยุบพรรคพลังประชาชน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคชาติไทย ด้วยข้อหากรรมการบริหารพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียง

ฝั่งทักษิณก็ดิ้นสู้อีกครั้งโดยการรวมตัวขึ้นมาเป็นพรรคเพื่อไทย  แต่เกิดดีลทางการเมืองที่ว่ากันว่า  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง ไปพูดคุยกับกลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ ให้ตีตัวออกหากพรรคเพื่อไทย ว่ากันว่า ทักษิณสายตรงถึงเนวินให้อยู่ด้วยกันต่อ แต่ถูกตอบกลับว่า “มันจบแล้วครับนาย” และกลุ่มเพื่อนเนวินก็ไปตั้งพรรคภูมิใจไทย จับคู่กับประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล ดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกฯ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า เป็น “ดีลแพง” เพราะกระทรวงเกรดเอ ภูมิใจไทยได้ไปทั้งมหาดไทย (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น มท.1 นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เป็น มท.2) พาณิชย์ (นางพรทิวา นาคาศัย เป็น รมว.พาณิชย์)  คมนาคม (นายโสภณ ซารัมย์ เป็น รมว.คมนาคม และนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ เป็น รมช.คมนาคม) ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ต้องยกให้พรรคชาติไทยพัฒนา

ขณะนั้นก็มีการจุดกระแสเรื่องการเข้าสู่ตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์ไม่มีความชอบธรรม  เพราะได้เก้าอี้มาจากงูเห่า ต้องยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ จึงมีกระบวนการก่อตัวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยทักษิณมีการสื่อสารเข้ามาเป็นระยะ และประโยคที่เป็นที่จดจำในช่วงนั้นคือ “ถ้าเสียงปืนแตก ผมจะมานำทัพเอง” ปี 52 เสื้อแดงรวมตัวได้ครั้งหนึ่งแต่ก็ถูกสลายการชุมนุมได้โดยสงบ และกลับมารวมตัวใหม่ในปี 53 ปักหลักชุมนุม 2 จุดคือแยกคอกวัว และแยกราชประสงค์ เกิดการ “กระชับพื้นที่” 2 ครั้ง ที่แยกคอกวัวครั้งหนึ่ง และแยกราชประสงค์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้มีผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเสียชีวิตจำนวนมาก แกนนำเข้าคุกไป บางคนก็หนีไปต่างประเทศ

มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนหาความจริง ขณะเดียวกันก็ตั้งกรรมการปรองดองขึ้นมาศึกษาแนวปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง แต่จนวันนี้ ถามว่า “ใครฆ่าคนเสื้อแดง ?” ก็ยังคงได้รับคำตอบว่า “คนชุดดำ” คือกลุ่มคนฉวยโอกาสสร้างความรุนแรงในสถานการณ์กำลังตึงเครียด แต่ก็ไม่มีใครระบุได้ว่า กลุ่มไหน มีการเปิดเผยภาพทหารปฏิบัติการบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่ที่สุดแล้วก็พิสูจน์ไม่ได้ว่า “ภาพนั้นก่อให้เกิดความรุนแรง ณ จุดไหน” ( ง่ายๆ คือ ยิงใคร ยิงจริงหรือเปล่า นั่นแหละ ) คดีคนเสื้อแดงยังไม่ได้รับการสะสางมาจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะที่เขาต้องการคือ “ใครเป็นผู้สั่งการต้องรับผิดชอบ” ก็เงียบ ..จนไม่รู้ว่ายังมีคดีอยู่ในสารบบหรือไม่

จนวันนี้ ..คนเสื้อแดงพยายามให้แก้กฎหมาย ป.ป.ช.เพื่อให้ประชาชนยื่นฟ้องเองได้ไม่ผ่าน ป.ป.ช.เรื่องคนเสื้อแดงเป็นประวัติศาสตร์ความสูญเสียทางการเมือง เกิดจากการเล่นเล่ห์ชิงอำนาจกัน โดยมีประเด็นของนายทักษิณมาเกี่ยวข้อง.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่