“อายุเป็นเพียงตัวเลข” ก็น่าจะเป็นนิยามชีวิตสำหรับ “บล็อกเกอร์รุ่นใหญ่วัย 56 ปี” รายนี้ ที่แฟนคลับรุ่นลูกรุ่นหลานเรียกขานกันติดปากด้วยชื่อ “เจ่เจ้ก้อย” ทั้งนี้ ด้วยการแต่งตัวที่ทันสมัย กับมีสไตล์สีสันสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ และแนวคิดการใช้ชีวิตเชิงบวกของเธอ ทำให้บล็อกเกอร์รุ่นใหญ่รายนี้ได้รับเสียงชื่นชมชมและมีผู้ติดตามเธออย่างล้นหลาม ซึ่งก็ทำให้ “ทีมวิถีชีวิต” อยากจะนำเรื่องราวมานำเสนอให้ทุกคนได้รู้จัก วันนี้เรามาดูเส้นทางชีวิตของเธอคนนี้กัน…

“ก้อย-กนกนภัส กิตติปภารักษ์” คือชื่อเล่นและชื่อจริงของเธอ โดยบล็อกเกอร์รุ่นใหญ่วัย 56 ปี ที่มีชื่อเรียกขานในหมู่ชาวโซเชียลว่า “เจ่เจ้ก้อย” เล่าว่า ปัจจุบันเธอเป็นเจ้าของเพจชื่อ “เจ่เจ้ก้อย 50 ก็เฟี้ยวได้” ที่เธอตั้งขึ้นมาเพื่อนำเสนอเกี่ยวกับแนวคิดในการใช้ชีวิต รวมถึงแนะนำเทคนิคการแต่งหน้าแต่งตัวให้กับคนวัย 50+ โดยเจ่เจ้ก้อยบอก “ทีมวิถีชีวิต” ว่า เธอยังครองตัวเป็นโสด ยังไม่มีครอบครัว ซึ่งเธอเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่เกิด และหลังเรียนจบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขามาร์เก็ตติ้ง มหาวิทยาลัยกรุงเทพแล้ว เธอได้ทำงานเกี่ยวกับบริษัทเสื้อผ้า โดยเริ่มทำงานที่แรกคือ บริษัท ไอ.ซี.ซี ในตำแหน่งที่ต้องดูแลประสานงานระหว่างโรงงานฝ่ายผลิตกับฝ่ายขาย ซึ่งเธอทำงานด้านเสื้อผ้ามาหลากหลายแบรนด์ อาทิ AIIZ / DAPPER / PENA HOUSE ซึ่งก็เคยมีแว่บออกไปทำงานด้านไอทีอยู่ช่วงหนึ่ง ประมาณ 2-3 ปี แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตน จึงเลือกกลับมาทำงานด้านเสื้อผ้าต่อ และสิ้นสุดการทำงานประจำด้วยตำแหน่งผู้จัดการให้กับแบรนด์เสื้อผ้า PENA HOUSE

เจ่เจ้ก้อย เล่าว่า ก่อนเกษียณอายุการทำงาน เธอก็ได้แพลนชีวิตเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยตั้งใจจะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องโซเชียลมาตลอด ด้วยความที่เป็นคนมีบุคลิกไปทางสดใสร่าเริง ทำให้หลาย ๆ คนบอกเธอว่า น่าจะเป็นเน็ตไอดอลได้ หรือถ้าเป็นยุคนี้ก็ต้องเรียกว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งตอนนั้นเธอก็ยังถามคนที่แนะนำกลับไปว่าเธอเนี่ยนะเป็นเน็ตไอดอลได้…

“คนคงมองว่าเราเปรี้ยว เพราะดูจากการแต่งตัว และบุคลิกอะไรหลายอย่าง เช่น เราเป็นคนทำสีผมมาตลอด จนถึงวันนี้ก็เกือบ 20 ปีแล้ว เหตุผลที่ทำสีผม เพราะเป็นผมหงอกก่อนวัย หงอกมาตั้งแต่อายุ 30 กว่า ๆ แล้วช่างทำผมประจำที่ทำผมให้เราก็แนะนำให้เราทำสี แรก ๆ ก็ทำทีละนิดทีละหน่อย จนติดตัว และกลายเป็นภาพจำที่คนอื่นเห็นเราไปเลย เรียกว่าทุกคนจะชอบลุ้นว่า เราจะทำสีอะไรอีก ซึ่งเราก็จะมีความสุขและสนุกกับการทำสีผมนะ โดยหลัง ๆ ไปหาช่างไม่ต้องพูดอะไร ช่างอยากทำอะไรก็ทำเลย บังเอิญช่างประจำตัวของเราคนนี้เก่งมาก ถูกใจเราด้วย” เจ่เจ้ก้อยเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ “สีผม” ที่เป็นหนึ่งใน “เอกลักษณ์ประจำตัว” ของเธอ

ส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่นแต่งตัว “เจ่เจ้ก้อย”

และด้วยความที่เป็นคนมีบุคลิกโดดเด่น เจ่เจ้ก้อยก็เลยเริ่มสร้างตัวตนทางออนไลน์มาก่อนที่จะเกษียณ ด้วยการสร้างเพจชื่อ “เจ่เจ้ก้อย 50 ก็เฟี้ยวได้” ขึ้นมา แต่สมัยยังทำงานนั้นทำอะไรมากไม่ได้ เพราะสมัยก่อนสังคมยังไม่เปิดกว้างเรื่องนี้มากนัก ไม่เหมือนกับยุคนี้ที่เปิดกว้างมากกว่า ซึ่งก่อนจะเกษียณตอนนั้นเธอมีความฝันว่า “อยากเป็นยูทูบเบอร์” ที่สมัยนี้จะใช้คำว่า “ครีเอเตอร์” เธอจึงพยายามชักนำตัวเองเข้าสู่เส้นทางสายนี้ และเริ่มทำแบบเต็มตัวเมื่อเกษียณจากงานประจำ โดยเริ่มจากสอนแต่งตัว สอนการแต่งหน้าให้กับคนในวัยเดียวกัน จากแรก ๆ ที่มีคนติดตามไม่กี่คน จนปัจจุบันนี้มีคนติดตามดูเพจของเธอมากกว่า 87,000 คนแล้ว ส่วนใน TikTok ก็มีคนฟอลโลว์เธอมากกว่า 92,000 คน

“ดีใจนะที่กระแสตอบรับดี ส่วนใหญ่คนก็จะเข้ามาชมเรื่องการแต่งตัว หรือหลายคนก็ยกเราเป็นไอดอลของเขา โดยบอกว่าเห็นเราเป็นไอดอลด้านการดูแลตัวเองและการแต่งตัว ซึ่งก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกสนุก อยากทำมากขึ้น”

บล็อกเกอร์รุ่นใหญ่บอกเรื่องนี้ พร้อมกับเล่าว่า เธอเคยโพสต์ลงพันทิปเกี่ยวกับการแต่งตัวในวัย 50+ แล้วปรากฏกลายเป็นกระแส มีคนแชร์กระทู้ที่เขียนนี้เยอะมาก ทำให้ได้ไปออกรายการทีวีอยู่ 2-3 ครั้งเลย ส่วนเพจที่ทำตอนนี้เริ่มจากไอเดียหลัก ๆ คือ อยากชวนคนวัยเดียวกันกับเธอ อยากให้เกิดสังคมของคนวัยนี้ ให้มีพื้นที่เข้ามาจอย เข้ามาพูดคุยกัน เพื่อเป็นคอมมูนิตี้ของคนวัย 50+ อยากให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนวัย 50+ ซึ่งก็มีกฎคือ รับแต่ผู้หญิงเท่านั้น ไม่รับผู้ชาย

“บางครั้งก็มีจัดทริปไปปาร์ตี้ ไปเที่ยวกัน โดยพี่อ๊อดซึ่งอยู่ในกลุ่มนี้อยากไปเที่ยวต่างจังหวัด เพราะพี่อ๊อดคนนี้เคยมีความฝันตอนสาว ๆ โดยตอนนั้นเธออ้วนมาก ไม่สามารถแต่งตัวในสิ่งที่อยากแต่ง หรืออยากใส่บิกินีก็ทำไม่ได้ แต่พอมีกลุ่มนี้เกิดขึ้น ทำให้เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่พี่คนนี้กล้าที่จะใส่บิกินีถ่ายรูป ตอนอายุ 62 ปี เรียกว่าพวกเราช่วยสานฝันให้กับพี่คนนี้” เจ่เจ้ก้อยบอกสิ่งที่เกิดขึ้นของพื้นที่ตรงนี้ ที่ช่วยทำให้ฝันของผู้หญิงหลายคนเกิดขึ้นจริง ๆ

หรืออย่างครั้งหนึ่ง เธอก็เป็นโต้โผจัดปาร์ตี้ย้อนยุคกระตุกหัวใจสานฝันในวัยเยาว์ โดยเป็นปาร์ตี้ที่จัดกันเองง่าย ๆ ที่มีคนที่สนิทกัน 10 กว่าคน และบอกโจทย์ว่า คุณจะแต่งตัวยังไงก็ได้ที่เคยแต่งในอดีต หรือที่ในอดีตคุณอยากแต่งแล้วไม่ได้แต่ง โดยเป้าหมายที่จัดงานนี้นั้น เธอบอกว่า สำหรับคนอายุ 50+ นั้น สมัยที่เป็นวัยรุ่นสังคมอาจจะปิด ทำให้การแต่งตัวที่อยากทำอาจจะทำไม่ได้ แต่พอหลุดจากสภาวะนั้นมา วันนี้ก็อาจจะอยากย้อนกลับมาทำตามความฝันที่เคยมีให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

กับเพื่อน ๆ ชาว 50+

“ก็เป็นพี่อ๊อดคนเดิมที่มาจุดไอเดียนี้ว่า ตอนเด็ก ๆ พี่เขาเป็นคนเรียบร้อยมาก ซึ่งก็เคยอยากใส่กระโปรงมินิสเกิร์ตมาก แต่ใส่ไม่ได้เพราะสังคมยุคนั้น อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่ของพี่เขาเป็นคุณครูด้วย พอเราจัดปาร์ตี้นี้ขึ้นมา พี่เขาก็มาสานฝันด้วยการใส่ชุดที่เขาอยากใส่ตอนเด็ก ๆ ซึ่งเราดีใจมากนะที่ช่วยเติมเต็มฝันให้คนอื่น เพราะแต่ละคนมีความสุขและสนุกมาก บางคนบอกว่า ตอนนี้เป็นอะไรไปฉันก็นอนตายตาหลับแล้ว (หัวเราะ) ซึ่งมันเป็นเหมือนการปลดล็อกอะไรบางอย่างให้ชีวิตด้วยนะ เพราะด้วยสภาวะจริง บางคนมีครอบครัว หรือโฟกัสอยู่กับการเลี้ยงลูก หรือใช้ชีวิตทำมาหากิน จนบางทีความสุข หรือสิ่งที่ตัวเองอยากทำ มันก็ค่อย ๆ เซาะกร่อนหายไป พอได้มาทำสิ่งที่เคยฝัน จึงทำให้หลายคนมีความสุขมาก” เจ่เจ้ก้อยกล่าว

สำหรับเธอเอง กับ “เสื้อผ้า” นั้น เจ่เจ้ก้อยบอกว่า ซื้อได้เรื่อย ๆ ไม่เน้นแบรนด์ เห็นแล้วชอบ และคิดว่าน่าจะใส่ได้ ก็ซื้อเลย ส่วนคอนเซ็ปท์การใส่นั้น อันดับแรก สีต้องใช่ อันดับสอง ดีไซน์ต้องได้ และที่สำคัญที่สุดคือ เข้ากับหุ่น ใส่แล้วไม่น่าเกลียด โดยปกติทั่วไปคนวัย50+ จะมองแต่เสื้อผ้าที่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเธออยากให้คนวัยเดียวกันกับเธอเปลี่ยนความคิดใหม่ โดยอยากให้มองว่า ต่อให้มีอายุแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยตัว ที่สำคัญก็คือ ต้องแต่งให้ถูกกาลเทศะ แต่งให้เหมาะสม

ประกบสาววัยรุ่นญี่ปุ่น

“การแต่งตัวของเราไม่ค่อยมีดราม่านะ แต่มีคลิปหนึ่งที่ลงในยูทูบ จำไม่ได้ว่าเป็นการแต่งตัวหรือแต่งหน้า ซึ่งมีคนมาพูดว่าหน้าเหี่ยวกว่าวัยอะไรประมาณนี้ แต่ก็มีอยู่คลิปเดียว หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย แต่ถึงมีเราก็ไม่สนใจคอมเมนต์ลบ ๆ เพราะว่ามั่นใจและรู้ตัวดีว่าเราต้องการอะไร อีกอย่างเราเข้าใจว่ามุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราก็เลยเฉย ๆ คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ที่สำคัญไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตเราเลย” เธอเล่าถึง “วิธีรับมือคอมเมนต์ลบ ๆ” ที่หลาย ๆ คนก็น่าจะนำไปใช้ได้เช่นกัน

ช่วงท้ายในการสนทนา “เจ่เจ้ก้อย-กนกนภัส กิตติปภารักษ์” บล็อกเกอร์รุ่นใหญ่วัย 56 ปี บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ว่า มาถึงตอนนี้ เธอ “ฝันอยากจะเป็นครีเอเตอร์วัย50+” ที่มีคนรู้จักมากขึ้น เพราะเธออยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนวัยเดียวกันได้ก้าวออกมาสู่โลกใบใหม่ ซึ่งตอนนี้เธอก็มีแพลนอยากจะทำคอนเทนต์เพื่อแชร์ประสบการณ์การหารายได้ในวัย 50+ ให้คนที่เกษียณแล้วได้ทำบ้าง เพราะมองว่า คนวัยเกษียณมักไม่ได้ทำงานแล้ว แต่ถ้าได้ทำอะไรสักอย่างที่มีรายได้ ก็จะมีความสุข ซึ่ง… “บางคนกลัว เพราะคิดว่าโซเชียลเป็นเรื่องยาก แต่เราอยากให้ดูเราเป็นตัวอย่าง ที่เราทำได้ ไม่ใช่เรารู้ตั้งแต่แรก แต่เราฝึกฝน หัดทำลองทำ ถูกบ้างผิดบ้าง จนปัจจุบันคลิปที่ลงในช่องเป็นฝีมือของเราเองทั้งหมดกว่า 90% เราก็เลยอยากชวนคนวัย 50+ แบบเราให้ลองมาทำ มาเรียนรู้ อย่างน้อย ๆ แม้จะไม่ได้ทำให้มีรายได้ แต่ก็ช่วยให้ไม่เครียด…ช่วยให้ชีวิตไม่เฉา”.

‘จุดไฟในวัยเกษียณ’

“เจ่เจ้ก้อย-กนกนภัส” บล็อกเกอร์รุ่นใหญ่วัย 56 ปี บอกไว้ด้วยว่า พยายามจะหาไอเดียใหม่ ๆ มานำเสนอแฟนคลับเรื่อย ๆ เพื่อเป็นไอเดียแต่งตัวให้กับคนวัยเดียวกัน ซึ่งพอกระแสตอบรับดี ก็มีสินค้าต่าง ๆ ติดต่อเข้ามาให้ช่วยทำรีวิวหลายตัว ซึ่งนอกจากรายได้แล้ว สิ่งที่ได้รับคือ “ความสนุก+ความสุข” ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วย “จุดไฟในตัว” ให้อยากทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้น รายได้ หรือโอกาสอะไรต่าง ๆ ที่เข้ามา เธอจึงมองเป็นเรื่อง “กำไรชีวิต” ที่เข้ามา… “สิ่งที่อยากย้ำถึงคนวัย 50+ คือ อย่าไปสนอย่าไปแคร์คำพูดคนอื่น และต้องไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ๆ บางทีบางคนจะเจอคนมาพูดว่า เฮ้ย…แก่แล้วยังมาแต่งอย่างนี้ไม่อายเหรอ เราก็ไม่ต้องแคร์ เพราะถ้าฉันมีความสุข ใส่ออกมาแล้วฉันสวย ก็จบ ฉันพอใจในสิ่งที่ฉันใส่ เอาแค่พื้นฐานของเรา ความสุขอยู่ในมุมมองของเรา เพราะความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเราทำแล้วมีความสุข ไม่ไปกระทบใคร ไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน ถ้าเราคิดว่าเราทำแล้วมีความสุข…ก็ทำเลย”.

เชาวลี ชุมขำ : รายงาน