จ.ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ดังนั้นเมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จึงเดินทางลงพื้นที่ภูเก็ต-พังงา หลายครั้ง! เพื่อเร่งรัดการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

เนื่องจากภูเก็ตในปัจจุบันมีปัญหาการจราจรติดขัดมาก หากเดินทางจากตัวเมืองภูเก็ตไปยังสนามบิน ต้องเผื่อเวลาไว้ 3 ชั่วโมง ถ้าไม่อยากตกเครื่องบิน!

โดยครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 19 เม..67 นายเศรษฐาได้กล่าวกับผู้เกี่ยวข้องถึงโครงการขุดอุโมงค์ช่วงกะทู้ป่าตอง ว่าตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้งบประมาณแค่ 8 พันกว่าล้านบาท แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเป็น 16,000 ล้านบาท แค่ช่วงเวลาก็ 10 ปีแล้ว ไม่ใช่มีแค่รายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น งบประมาณสูงขึ้น แต่มีคนเสียชีวิตไปจำนวนมากตรงนี้เป็นอะไรที่ประเมินค่าไม่ได้ จึงขอเน้นย้ำให้ทำให้จบให้ได้

นอกจากโครงการดังกล่าว “พยัคฆ์น้อย” ทราบว่ายังมีระบบคมนาคมขนส่งทางถนนในพื้นที่ภูเก็ต หลายโครงการที่จะเร่งรัดการดำเนินการในปี 67-68

รวมทั้งการพัฒนาท่าอากาศยานแนวชายฝั่งอันดามันที่สำคัญ คือ โครงการพัฒนาก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ระยะที่ 2 วงเงินลงทุน 5,800 ล้านบาท , โครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ วงเงินลงทุน 2,700 ล้านบาท โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานพังงา (ท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน) ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา วงเงินลงทุน 80,000 ล้านบาท

ครอบคลุมไปถึงการพัฒนาสนามบินน้ำ (Seaplane Terminal) ภายในท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อรองรับการเปิดให้บริการเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก แบบชาร์เตอร์ ไฟล์ต ในลักษณะเดียวกับ “มัลดีฟส์ โมเดล”

เนื่องจากในอนาคต จ.ภูเก็ต-พังงาอาจจะเป็นที่ตั้งของ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-กาสิโน” รวมทั้งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลดนตรีระดับโลก และเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ด้วย!

นอกจาก จ.ภูเก็ต-พังงา ยังมีอีก 2 ทำเลสำคัญ ที่กำลังมีการศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมถ้าจะมีการสร้าง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-กาสิโน” ในอนาคต! ถ้ากฎหมายผ่านสภา

ตั้งแต่การศึกษาพิจารณาย้าย “ท่าเรือคลองเตย” กรุงเทพฯ ออกไปรวมกันอยู่ที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อแก้ปัญหาสภาพการจราจรปัญหาคุณภาพอากาศปัญหาสิ่งแวดล้อมแหล่งชุมชนเสื่อมโทรมยาเสพติด แล้วจะนำพื้นที่บริเวณท่าเรือคลองเตย ประมาณ 2,300 ไร่ มาพัฒนาในเชิงพาณิชย์การท่องเที่ยว

โดยมีความเป็นไปได้สูงว่า จะมีนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนไทย สนใจขอเช่าพื้นที่ดังกล่าวในระยะยาว เพื่อสร้าง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-กาสิโน”

สำหรับทำเลสุดท้ายที่นักลงทุนจ้องกันตาเป็นมัน คือ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หลังจากเวลาล่วงเลยมา 3-4 ปีแล้ว! แต่ในเขต “อีอีซี” ซึ่งครอบคลุม 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ยังไม่มีบริษัทเอกชนเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานแม้แต่โรงงานเดียว

ทั้งที่ “อีอีซี” มีกฎหมายรองรับพร้อม! และมีที่ดินพร้อมกว่า 14,000 ไร่ ที่ได้รับการโอนมาจาก “ส.ป.ก.”

ปัจจุบัน “อีอีซี” ในพื้นที่ชลบุรี ถือว่าเป็นหมุดหมายแรก! ถ้ากฎหมายเกี่ยวกับ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-กาสิโน” ได้รับไฟเขียวจากสภา เนื่องจากบริเวณนี้มีกฎหมาย และมีพื้นที่พร้อมก่อนภูเก็ต-พังงา-ท่าเรือคลองเตย!!.

…………………………………..
พยัคฆ์น้อย

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…