เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีรายงานข่าวโดย “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่ามีการหลอกลวงต้มตุ๋นเอาเงินค่าดำเนินการพาไปทำงานที่อังกฤษ ซึ่งไม่มีการพาไปทำงานตามที่กล่าวอ้าง โดยเหยื่อส่วนหนึ่งไปกู้เงินมาจ่ายเพราะหวังจะได้ไปทำงานต่างประเทศ แต่กลับต้องเป็นหนี้ก้อนโตอยู่ในไทย…
“มิจฉาชีพ” กลุ่มนี้ก็ “เนเวอร์ดาย”…
บางช่วงอาจซา ๆ ไป…แต่ “ยังมีอยู่”
และ “โผล่อาละวาดหนักเป็นระยะ!!”
ทั้งนี้ “คนไทยถูกตุ๋นกรณีทำงานต่างประเทศ” นั้น นอกจากเป็นตุ๋นอมตะแล้วยัง มีแง่มุมร้าย ๆ เพิ่มเติม ด้วย อย่างในช่วงที่มีโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก ราว ๆ ปี 2564 มีรายงานข่าวว่าทางสถานทูตไทยในประเทศเพื่อนบ้านแถบอาเซียน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในประเทศนั้น บุกเข้าช่วยเหลือคนไทยที่ถูก “หลอกไปทำงาน” ซึ่งนี่เป็นแบบได้ไปจริง แต่ไปแล้วการทำงานเป็นแบบถูกบังคับขู่เข็ญและถูกกักขังตัวไว้ นานหลายเดือนกว่าจะพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือได้สำเร็จ ซึ่งนี่เป็นอีกมุมร้าย ๆ กรณี “คนไทยถูกตุ๋นทำงานต่างประเทศ” โดยเป็นปรากฏการณ์มุมกลับ…ที่เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน…
ถูกหลอกมาบังคับทำงานที่เมืองไทย
แรงงานเพื่อนบ้านไทยก็ถูกตุ๋นแบบนี้
และกับ “มุมวิเคราะห์” กรณี “ต้มตุ๋นเรื่องการทำงานต่างประเทศ” ที่ปัจจุบัน “มีมุมที่เพิ่มเติมแตกต่างจากในอดีต” มีทั้งคนประเทศเพื่อนบ้านถูกหลอกกรณีทำงานในไทย และคนไทยถูกหลอกกรณีทำงานต่างประเทศ จากที่ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสวิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ ได้วิเคราะห์และเคยสะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้นานแล้ว ถึงวันนี้ก็ยังร่วมสมัย กล่าวคือ… ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมาก็มีคนไทยไปทำงานกันอยู่แล้ว จากการที่มีนักลงทุนไทยไปลงทุนเป็นจำนวนมาก เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเรื่องการไม่มีกำแพงภาษี ซึ่งนี่ก็เป็นปัจจัยทำให้…
คนไทยสนใจไปเป็นแรงงานข้ามชาติ
เหมือนแรงงานต่างชาติอยากมาไทย
อย่างไรก็ตาม ระยะหลัง ๆ มีคนไทยถูกหลอกกรณีทำงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเรื่องนี้มีให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ในยุคโควิดระบาดรุนแรง เนื่องจากหลังจากมีโควิดแพร่ระบาดในไทย ก็ได้ส่งผลทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง จนมีคนไทยจำนวนมากที่ต้องตกงาน ไม่มีงานทำ ประกอบกับตลาดแรงงานของไทยก็หดตัวรุนแรง ทำให้การจ้างงานชะลอลงมาก จึงทำให้แรงงานคนไทยจำนวนหนึ่งตัดสินใจที่จะไปเผชิญโชคในตลาดแรงงานต่างประเทศ ซึ่งก็รวมถึงตลาดแรงงานประเทศเพื่อนบ้านไทยด้วย ทั้งนี้ รศ.ดร.สมชาย ระบุไว้ว่า… เรื่องนี้ “ตัวกระตุ้นสำคัญ” ก็แน่นอนว่าคือ…
ทุกคน “จำเป็นต้องดิ้นรนหางานทำ”
เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงตัวเอง-ครอบครัว
“เรื่องแบบนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะแค่บ้านเราเท่านั้น แต่ต่างประเทศเองก็มีปัญหาเช่นกัน อย่างประเทศในแถบยุโรป ที่คนก็ต้องดิ้นรนออกมาหางานทำในต่างประเทศเช่นกัน เพราะพิษโควิดที่ทำให้คนตกงาน และหางานทำยากขึ้นในประเทศของตัวเอง” …ทาง รศ.ดร.สมชาย ฉายภาพไว้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนับแต่ยุคพิษโควิดเรื่อยมา…
ผู้คนมีการ “หางานต่างแดนมากขึ้น”
ขณะที่ “ถูกตุ๋นกรณีทำงานก็ยิ่งเสี่ยง”
หันมาโฟกัสที่แรงงานไทย กับ “ปัจจัย” ที่ทำให้ “แรงงานไทยตกเป็นเหยื่อถูกหลอกง่ายขึ้น” นั้น… กรณีนี้ทางนักวิชาการคนเดิมยังระบุไว้ว่า… เป็นเพราะอัตราของงานที่มีไม่สอดคล้องกับความต้องการงาน ทำให้คนที่ตกงาน คนว่างงาน ต้องพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะมีงานทำ ซึ่งตลาดงานในต่างประเทศก็เป็นอีกตลาดที่เป็นจุดหมายของคนไทยเช่นกัน ถึงแม้หลายคนจะรู้ถึง “ความเสี่ยง” ว่า… “โอกาสที่จะถูกหลอกมีเยอะ…แต่ก็จำใจเสี่ยง!!” …แล้วก็ “ถูกหลอกกันอยู่เรื่อย ๆ”
ทั้งนี้ รศ.ดร.สมชาย เคยฝากเตือนไว้ถึง “แรงงานไทย” ที่กำลัง “คิดจะไปทำงานต่างประเทศ” รวมถึงในประเทศเพื่อนบ้านไทย ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังน่าตระหนัก กล่าวคือ… ตลาดแรงงานย่ำแย่เหมือนกันทั่วโลก อยากให้ “ไตร่ตรองให้ดี ๆ” เช่น งานที่จะไปทำเป็นงานอะไร? ถูกกฎหมายแน่มั้ย? และให้สมัครกับบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงถูกหลอก
“สังคมไทยจะได้เห็นกรณีหลอกแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ แน่นอน แม้โควิดจบแล้ว แต่สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะมีอยู่ต่อไป เพราะต่อให้หมดโควิดแล้ว แต่เศรษฐกิจก็ต้องใช้เวลาที่จะกลับมาฟื้นตัว ซึ่งก็คงต้องใช้เวลานานอีกสักพักเลย” …ทาง รศ.ดร.สมชาย ระบุไว้ถึงปัญหา “คนไทยถูกตุ๋นกรณีทำงานต่างประเทศ” ซึ่งก็เป็นจริงดังว่า ดังนั้นก็ขอย้ำว่า…
จะจ่ายเงินไปทำงานต่างแดน “ดูดี ๆ”
ยังมี “มิจฉาชีพจ้องตุ๋นเรื่องทำงาน”
ถ้า “ไม่มั่นใจ…ก็อย่าเสี่ยงดีกว่า!!”.
ทีมสกู๊ปเดลินิวส์