ภาคใต้เจอฝนถล่มหนักทำเอาจมบาดาลหลายพื้นที่หลายจังหวัดต้องประสบภัยพิบัติน้ำท่วมอย่างหนักที่สุดในรอบกว่า 20 ปี โดยเฉพาะ “สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนใต้” ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ได้รับผลกระทบหนักสุดๆ

งานนี้ “นายกฯอิ๊งค์” ..แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่รอช้า ส่ง “บิ๊กเล็ก” พล..ณัฐพล นาคพานิชย์ รมช.กลาโหม บินด่วนขนกองทัพลงใต้ลงไปช่วยประชาชนแบบด่วนๆ ติดตามสถานการณ์ และดูแลการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมสั่งการให้ทุกเหล่าทัพระดมเครื่องมือ และ สรรพกำลังเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่แล้วอย่างด่วนๆ

ขณะที่สถานการณ์การเมืองเห็นเงียบๆ แต่มรสุมเพียบเช่นกันในช่วงนี้ที่จู่ๆ ผู้นำม็อบตัวพ่อ ปรมาจารย์ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เจ้าพ่อม็อบ คู่ปรับเก่า “ทักษิณ ชินวัตร”อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศขู่ถือธงรบนำม็อบลงถนนครั้งสุดท้ายของชีวิต หลังเคยลงถนนนำม็อบเสื้อเหลืองมาแล้วสองครั้ง จนเกิดรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 และในปี 2551 นำม็อบเสื้อ เหลือง บุกเข้าทำเนียบรัฐบาลปิดสนามบินดอนเมืองและ ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ

สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญต้องสอย 2 นายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชน ให้พ้นเก้าอี้นายกฯ การประกาศครั้งนี้ของ “ผู้เฒ่าสนธิ”เรียกว่าไม่ธรรมดา เพราะประสบการณ์โชกโชนในการขุดข้อมูลออกมากางให้ประชาชนได้รับรู้ จนสามารถล้มรัฐบาลได้

แม้ต้องเจอคดีติดคุกอยู่หลายปี จนม็อบเสื้อเหลืองกลายพันธุ์ วางมือเลิกชุมนุมไปบ้าง เพราะรู้ว่าการชุมนุมมีแต่เสียมากกว่าได้ ทั้งกับตัวเองและประเทศชาติ

ดังนั้นเมื่อ “ผู้เฒ่าสนธิ” ออกมาประกาศกร้าวอย่างดุดันครั้งนี้ ทำให้ทุกสายตาต้องจับจ้องมอง เพราะก่อนหน้า “ผู้เฒ่าสนธิ” ก็ได้เปิดประเด็นคดี “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิดวางแผนฉ้อโกงเงินจาก “เจ๊อ้อย”น..จตุพร อุบลเลิศ 39,000,000 บาท จนทำให้แสงสปอร์ตไลท์ต้องสาดส่องจับจ้องมาอีกครั้ง

การชักธงรบครั้งนี้ก็จะมีประเด็นที่น่าจับตา คือ เอ็มโอยู 44 ไทย-กัมพูชา  พื้นที่ทับซ้อนอ้างสิทธิ์ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูดจังหวัดตราด โดยประกาศบุกทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 2 ธันวาคม ขอนัดเจอ “นายกฯอิ๊งค์”ยื่นหนังสือถึง เรียกร้องให้ยกเลิก “เอ็มโอยู44” หวั่นสูญเสียอธิปไตย เช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร 

งานนี้ต้องวัดใจ “นายกฯอิ๊งค์” จะกล้าเผชิญกับเจ้าพ่อม็อบหรือไม่

ที่สำคัญคงต้องจับตาดูว่า “ผู้เฒ่าสนธิ” จะจุดพุลพลังม็อบติดหรือเปล่า เท่าที่ดูม็อบในปัจจุบันที่เดินลงถนนก็ คือ กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพธรรม และศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นอกจากนี้ยังมีม็อบกลุ่มคลั่งสถาบันด้วย เป็นได้แค่แมลงหวี่แมลงวันที่ยังไม่มีพลังเพียงพอ

ขณะที่“เต้น”ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ออกมาเย้ยว่า ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่า การชุมนุมขนาดใหญ่แบบหลายๆ ปีก่อนจะเกิดขึ้นง่ายๆ ไม่ว่าจะมีม็อบรุนแรงขนาดไหน ก็ไม่เคยมีม็อบใดล้มรัฐบาลได้นอกจากเกิดรัฐประหาร

การปลุกประเด็นเรื่องชาตินิยมแม้จะมีผลกับคนส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่วาระของคนส่วนใหญ่ เพราะขั้นตอนการเจรจาใดๆ กับประเทศเพื่อนบ้านยังไม่เริ่ม และหากมีการดำเนินการรัฐบาลก็จะทำอย่างชัดเจนโปร่งใส โดยมีทรัพยากรปิโตรเลียมกว่า 10 ล้านล้านบาท ที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นเป้าหมาย

งานนี้ “เต้น ณัฐวุฒิ” ยังเตือนไปยัง“ผู้เฒ่าสนธิ” ที่คุณบอกว่าการเมืองใกล้สุกงอม ผมก็หวังว่าสังคมไทยจะสุกงอมทางความคิดด้วยเช่นกัน ว่า “การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย ล้วนนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงโดยอำนาจนอกระบบ ซึ่งเกิดความเสียหายร้ายแรงจนถึงปัจจุบัน”

จับชีพจร ของ “รัฐบาลแพทองธาร” ตกอยู่ในสภาพลูกผีลูกคน ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจแม้จะถมเงินหมื่นลงไป แต่ก็ยังเจอกับสถานการณ์ไม่สู้ดี เพราะโรงงานประกาศปิดตัว ปลดลด เลิกจ้างคนงาน เป็นไปทุกหัวระแหง

นอกจากนี้ยังเจอกับแรงเร้าการเมือง คดีร้อนรุมถล่มเป็น “นิติสงคราม” ทั้งกรณีเอ็มโอยู44  ปัญหาการถือครองที่ดินอัลไพน์ของ“นายกฯอิ๊งค์-ตระกูลชิน” กรณีนักโทษเทวดาชั้น 14 อีกทั้งยังมีความไม่เป็นผู้นำของ“นายกฯอิ๊ค์”

และยังมีคดีที่ดินเขากระโดงที่ “พรรคประชาชน” จ้องเปิดแผลโยงถึง “พรรคภูมิใจไทย”

แต่ปัญหาหลักอีกอัน คือ อาการปีนเกลียวกันระหว่าง “พรรคเพื่อไทย”และ “พรรคภูมิใจไทย” หากแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว จุดนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญในการเขย่าบัลลังก์ตึกไทยคู่ฟ้าได้

แม้ “นายกฯอิ๊งค์” จะพยายามหาช่องทางแก้ปัญหาปากท้อง ล่าสุดไปประชุมครม.สัญจร หอบคณะรัฐมนตรีไปประชุมนอกสถานที่ครั้งแรกที่บ้านเกิดของ “คุณพ่อทักษิณ ชินวัตร” ต่อด้วยจังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ย.และ 1 ธ.ค.

แต่ก่อนไป“นายกฯอิ๊งค์”ได้เปิดทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย และคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (US-ASEAN Business Council: USABC)กว่า 40 บริษัท พร้อมชักชวนให้มาลงทุนในประเทศ สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีสิงค์โปร์

ขณะที่ “คุณพ่อทักษิณ” เริ่มคึกอีกวางแผนขยับปีกลงช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)อีกละลอกหลังลงพื้นที่ช่วย “นายศราวุธ เพชรพนมพร” ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงจนชนะการเลือกตั้ง

ล่าสุด “คุณพ่อทักษิณ” วางไทม์ไลน์ วันที่ 11 ธ.ค.จะเดินทางไป จ.อุบลราชธานี ที่บ้านพักของนายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สส.อุบลราชธานี เขต 1 พรรคพท. เพื่อไปเจอแกนนำเขตเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของ จ.อุบลราชธานีทั้งหมด ในการช่วยนายกานต์ กัลป์ตินันท์ อดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี เบอร์ 1 ลงเลือกตั้งอีกสมัย ที่จะมีการเลือกตั้งวันที่ 22 ธ.ค.

ขณะที่วันที่ 23 ธ.ค. ขึ้นไปจ.เชียงใหม่ เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ของพรรคพท.หาเสียง และก่อนสิ้นเดือน ธ.ค. ที่วางไว้เบื้องต้นจะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ ของพรรคหาเสียงด้วย

งานนี้จะได้เห็นการวางหมากเดินเกมสู้ปูทางสนามเลือกตั้งท้องถิ่นเก็บแต้ม พร้อมปั้นนโยบายให้ “ลูกอิ๊งค์”เดินเกมคู่ขนานตีปี๊บโคตรประชานิยม เดินหน้าแจกเงินหมื่นเฟส 2 แถมควักเงินช่วยเหลือชาวนาเป็นค่าเก็บเกี่ยวและปัจจัยการผลิตข้าว ไร่ละ 1,000 บาทไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ และอีกหลายๆโครงการตามมาติดๆ หวังโกยคะแนนนิยมกลับคืนมา ตั้งเป้าเลือกตั้งสนามใหญ่ตั้งเป้ากวาดสส.เกิน 200 เสียง

แต่การทำหน้าที่ของ2พ่อลูก ที่สอดประสานมือจูงกันเดินลุกคืบยึดคืนพื้นที่ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอย่าลืมว่ามีนักร้องจ้องรอดักตีหัวอยู่ตลอด เหมือนเดินอยู่ในดงระเบิดมีสิทธิ์สะดุดขาตัวเองตายได้ทุกเมื่อหากเดินหมากแบบลำพองก็จะโดนกินโต๊ะถูกกระซวกตายได้ง่ายๆไปไม่ถึงฝัน.