สำหรับการเมือง ปี 2567 นี่ถือเป็นปีที่เกิดปรากฏการณ์ใหญ่ๆ หลายอย่าง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นชัดถึงอำนาจขององค์กรอิสระในบ้านเมืองเรา ว่า “ขี่คอทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติได้” เป็นซูเปอร์องค์กรของแท้ที่ยังไม่เห็นเรื่องการตรวจสอบคานอำนาจ ทำให้ฝ่ายการเมืองตัวเกร็งซึ่งน่าจะเกร็งกันมากที่สุดในรอบยี่สิบหรือสามสิบกว่าปีมานี้ เพราะอำนาจให้คุณให้โทษสูงมาก ขนาดประหารชีวิตทางการเมืองกันได้ทีเดียว

“เหตุการณ์แห่งปี” สำหรับฝ่ายการเมือง ก็ต้องยกให้การถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ในขณะนั้น ( ให้เหตุการณ์นี้ชนะยุบพรรคก้าวไกล เพราะมันเซอร์ไพรส์กว่า ยุบก้าวไกลดู“เขาง้างมาแต่ไกล”ซะขนาดนั้น ) ถอดถอนพ้นจากนายกฯ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ขาดคุณธรรมจริยธรรม” ที่แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน อดีตทนายความ ซึ่งเคยต้องโทษจำคุกจากคดี“ถุงขนมหน้าศาล” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า นายพิชิตเคยต้องโทษจำคุก เรียกว่า เป็นการกระเด็นกันแบบไม่ทันให้ตั้งตัว แม้ว่าจะเป็นครั้งที่ 3 ที่องค์กรอิสระสอยนายกฯ ในช่วง 20 กว่าปีนี้ ต่อจากนายสมัคร สุนทรเวช และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ..หลายคนก็บ่นเสียดาย เพราะ “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นคนที่มีความตื่นตัวในการทำงานมาก เรียกว่า ไม่มีวาระงานก็ต้องรอดูว่า นายกฯเสี่ยนิดออกตรวจอะไรฟ้าแล่บหรือไม่

จากนั้น ก็ตั้งรัฐบาลเพื่อไทยกัน โดยวันก่อนประชุมเพื่อโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ( รวมทั้งนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร.) เข้าไปร่วมประชุมด้วย และพอถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ก็พบ “คนอกหักแห่งปี” คือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร.ที่ไม่ไปร่วมประชุม ติดภารกิจต้อนรับนักกีฬาโอลิมปิก ..เมื่ออดีตรองนายกฯ โดนนักข่าวสาวตัวเล็กๆ ถามว่า มองผลการโหวตอย่างไรบ้าง บิ๊กป้อมเกิดอาการฉุนขาด เขกกบาลนักข่าวไป 2-3 ที หน้าตาบอกบุญไม่รับ แล้วบ่น “ถามอะไรๆๆๆ” ไปเรื่อย

เรียกว่า “ฟิวส์ขาดทีเดียวไฟดับทั้งพรรค” เพราะไม่กี่วันต่อมา ในการประชุมพรรคเพื่อไทยได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูด ทำนองว่า “ไม่สบายใจที่พรรคนี้อยู่ร่วมรัฐบาล” ขนาดวาระเลือกนายกฯ หัวหน้าพรรคยังเลือกที่จะไม่มา  เพื่อไทยยังไม่พูดอะไรมาก แต่ผลพวงจากคำวินิจฉัยให้เสี่ยนิดพ้นเก้าอี้ ทำให้ “นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร ต้องระวังตัวแจในการคัดเลือกคนมาเป็นรัฐมนตรี จึงเกิดเหตุสลับตัวรัฐมนตรีใน พปชร.ขึ้นมา ไม่รู้ว่าเกิดเพราะเพื่อไทยหรือ พปชร.เอง ที่ปรับเอา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พ้น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้นายสันติเป็น รมว.เกษตรฯแทน และ “โอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ มาเป็น รมช.สาธารณสุขแทนนายสันติ .. เรื่องนี้ทำให้ผู้กองธรรมนัสฉุนขาด ข่าวว่า บิ๊กป้อมก็ไม่อธิบายอะไรบอกแค่ “เขาจะเอาแบบนี้ๆๆ” กลุ่ม รอ.ธรรมนัส 20 คนจึงตัดขาดจาก พปชร.ไปเข้าพรรคกล้าธรรม   

ผลประชุมร่วม สส.-กก.บห. ประชาธิปัตย์ มีมติเข้าร่วมรัฐบาล | DEMOCRAT PARTY :  พรรคประชาธิปัตย์

จากนั้น มี“มติแห่งปี” คือรับพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล !! ทั้งที่ประชาธิปัตย์เป็นคนละขั้วตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย อะไรที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นก็เห็น.. เรียกว่า เสื้อแดงบางคนรู้สึกเป็น“ความเจ็บปวดแห่งปี”  เพราะใจก็ยังไม่เคลียร์กับเรื่องเหตุสลายม็อบแดง 99 ศพที่ราชประสงค์ ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ..จะให้ลืมอดีตก้าวไปข้างหน้าก็ยังปวดใจ ทางฝ่ายแกนนำเสื้อแดงแรกๆ ก็แตกคอ แต่หลังๆ เริ่มรวมตัวกันกลับมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้ ส่วนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคนอกหักก็ลาพ้นพรรคไป แม้แต่คนที่เหมือนจะเป็นสัญลักษณ์พรรคกลายๆ อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ลาออกจากสมาชิกพรรค จนดูเป็น “พรรคแตกแห่งปี” ..บางคนอาจให้ พปชร. แต่ระดับความเสียหายนั้น ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่อยู่มายาวนาน ดูเสียหายมากกว่า พปชร.ซึ่งถูกมองเป็นพรรคเฉพาะกิจเพื่อ คสช.ตั้งแต่เลือกตั้งแรกปี 62

การตั้งรัฐบาลยืดยาดยาวนานเพราะต้องตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีดีๆ อย่าให้นายกฯอิ๊งค์โดนสอยเอาง่ายๆ อีก เพราะเที่ยวนี้ “พ่อแม้ว”ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ  ส่งกล่องดวงใจใบสำคัญมาเล่นการเมืองเอง ..แต่ในที่สุดก็ตั้งได้ เรามีนายกฯหญิงอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ที่ฝีมือมีขนาดไหนก็แล้วแต่จะเอาความชอบ หรือความชัง ไปจับจ้อง เพราะคนเราต่างก็มีทัศนคติในการตัดสินใจอะไรทั้งนั้น จากนั้นรัฐบาลก็แถลงนโยบายและพร้อมทำงานเต็มที่

ชัยมงคล ไชยรบ

แล้วก็มี“วาทะขี้แพ้แห่งปี”ในวันแถลงนโยบายรัฐบาล โดยนายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร พรรค พปชร.ที่ยังอยู่ขั้วบิ๊กป้อม อภิปรายชำแหละนโยบายรัฐบาลนายกฯอิ๊งค์ ทั้งที่หลายเรื่องก็ต่อกันมาจากสมัยรัฐบาลนายกฯเสี่ยนิด โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “วันนี้ภาพที่ประชาชนรับรู้คือตระบัดสัตย์ มีที่ไหน พรรคที่ยกมือให้ 39 เสียงออกไปเป็นฝ่ายค้าน เปรียบเสมือนหุงข้าวมาด้วยกัน พอข้าวสุก ข้าพเจ้าขอกินคนเดียว แต่พรรคที่งดออกเสียงได้เป็นรัฐบาล” คือเล่นเอาขำกันทั้งสภา ที่ทวงกันสดๆ หน้าบัลลังก์ประธานสภา ตัดพ้อว่าหุงข้าวด้วยกันมา พอกินข้าวกินคนเดียว ซึ่งมันเป็นการอ้างเชิงเปรียบเทียบที่ประหลาดดี เพราะตัวแปรทางการเมืองมันคงเยอะกว่าจะเอามาเทียบแบบนั้น 

ทำให้ “สส.เบนซ์”อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ที่ย้ายไปขั้ว ร.อ.ธรรมนัส ประท้วงว่า “ผมแปลกใจว่าหากย้อนกลับไปเมื่อ 2 สัปดาห์หรือ 2 เดือนก่อน นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ก็คงเห็นด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรวันนี้เหมือนเปลี่ยนใจ จึงอยากฝากว่าขอให้ช่วยทำตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัดด้วย”

ที่สุด ก็ประคองกันตั้งรัฐบาลมาได้  และแน่นอนว่า “บุคคลแห่งปี” คืออดีตนายกฯแม้ว ทักษิณ ชินวัตร แบบถึงไม่อยากให้ก็ต้องให้ เพราะเหมือนว่าทุกคนกลับมาวนเวียนสนใจอดีตนายกฯ เป็นอย่างมาก มากซะยิ่งกว่าตัวลูกสาวเอง ..ชนิดที่ไม่ต้องไปถามหรอกว่าใครมีอิทธิพลทางการเมืองที่สุดในเพื่อไทย เพราะถามไปก็ตอบไม่ตรงสิ่งที่หลายคนคิด ..เริ่มตั้งแต่กลับไทยสิงหาปีก่อน แล้วป่วย โดนหามออกจาก รพ.ราชทัณฑ์ไป รพ.ตำรวจชั้น 14 ทันที ( เรื่องนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนดัง เคยพูดไว้ครั้งหนึ่งว่า “เขาเตรียมชั้น 14 ไว้” )

อดีตนายกฯ แม้วทำอะไรคนจับตาทุกย่างก้าว และนักร้องก็เต็มไปหมด  ซึ่งพัลวันกันมั่วเพราะบางคดีมันเรื่องเดียวกัน แต่ไปร้องคนละอำนาจองค์กรอิสระ ก็ต้องสังเกตดีๆ ว่า อันนี้เป็นมติองค์กรไหน ..ก่อนหน้านี้ นายธีรยุทธ สุวรรณเกสร กล่าวหาอดีตนายกฯ แม้วเป็นหางว่าว ทั้งสั่งเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองนอนชั้น 14 รพ.ตำรวจยาว สั่งการพรรคร่วมรัฐบาลกรณีจัดตั้งรัฐบาลแพทองธาร  สั่งการพรรคเพื่อไทยแก้รัฐธรรมนูญ สั่งขับพรรค พปชร. สั่งพรรคเอาวิสัยทัศน์ตัวเองเป็นนโยบายรัฐบาล สั่งเอื้อประโยชน์กัมพูชาเรื่องการอ้างสิทธิ์พื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีป ..เรียกว่าร้องมันทุกอย่างที่จะทำได้ ไม่รู้ร้องด้วยเจตนาหวังผลทางการเมืองหรือไม่ บางเรื่องก็ดูร้องให้รกโรงรกศาลเล่น

ศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้องเหล่านี้เกลี้ยง อ่ะ…ยังไม่จบ เพราะคราวนี้ต้องมาจับตาเรื่อง “ป่วยทิพย์”นอน รพ.ตำรวจชั้น 14 ยาวอีก เรื่องนี้ยื่นที่ ป.ป.ช.สำนวนนึง ยื่นที่ศาลรัฐธรรมนูญสำนวนนึ่ง เอาผิด รมว.ยุติธรรม อธิบดีราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 27 ทำให้บุคคลไม่เท่าเทียมเสมอกัน แล้วยังจะพ่วงเอาผิดตาม ม.49 ล้มล้างการปกครองอีก คือ เขียนแพะเขียนแกะอะไรก็เขียนไปเหอะให้โยงให้ได้ ..ในที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญก็ตีตกคำร้อง 3 คนเอื้อให้อดีตนายกฯแม้วนอนนานชั้น 14 เพราะเป็นแค่คำกล่าวอ้าง ไม่ปรากฏว่ากระทำการขัดรัฐธรรมนูญ

ในส่วน ป.ป.ช.นั้นรับคำร้องไว้สอบ เป็นทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาล รวม 14 คน เป็นการสอบตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง ..ดูขำแบบตลกร้ายเหมือนคดีลูกกระทิงแดง ที่เมื่อมีคดีรถชน มีคนจะโดนเอาผิดกราวรูดยกเว้นคนชนที่มีแต่คนช่วยให้รอด และก็ไม่รู้ว่า เมื่อไรคดีกระทิงแดงนี่จะได้ข้อสรุป ถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปก็ตอบปัดๆ ไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือ เราไม่ได้สอบแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว บลาๆๆ ซึ่งคงเห็นกันในปีหน้า ว่า ตกลงจะเอาผิดใครได้บ้าง แต่ก็ยังไม่รู้จะดึงเช็งคดีหรือเปล่า แบบว่า กรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ตีตกไปสอบเพิ่มๆๆๆ

ที่น่าสนใจคือ ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย จะกลายเป็นตัวแปรต่อคดีหรือไม่ ..ถึงสองพรรคเขาจะบอกว่า รักกันดี แต่คอการเมืองหลายคนเชื่อว่า “มีขบเหลี่ยมกันอยู่” เพียงแต่ยังไม่แบไต๋ว่าใครจะเปิดก่อน ( จริงๆ เพื่อไทยก็ด่ามาบ้างอย่าง นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ แกนนำเสื้อแดง  แต่เขาพยายามเงียบๆ ) ถ้าจะทุบกล่องดวงใจเพื่อไทยจริงๆ มันมีช่องที่คนเชื่อว่า “ทำได้”คือการเล่นงานผ่าน ป.ป.ช.นี่แหละ .. ลอง“จิตปรุงแต่ง”กันดูเนาะ เมื่อภูมิใจไทยมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ สว. ถึงขนาดเขาเรียก สว.ชุดนี้ว่า “สว.สีน้ำเงิน” , สว.มีอำนาจรับรององค์กรอิสระที่คณะกรรมการสรรหาเสนอชื่อ ถ้าไม่รับรองคนไหนก็ให้กรรมการสรรหาหามาใหม่เรื่อยๆ

ป.ป.ช.เอง ตอนนี้องค์คณะเหลือ 6 คน ต้องสรรหาใหม่ให้ สว.รับรอง 3 คน “ถ้าเกิดได้คนที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับภูมิใจไทยล่ะ ?” ง่ายๆ ย้อนกลับไปข้างต้นที่ว่า “ประเทศนี้องค์กรอิสระขี่คอฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ”  ก็เท่ากับว่า ถ้าคลื่นใต้น้ำความไม่พอใจระหว่างสองพรรคแรงขึ้นมากเมื่อไร บวกกับ ป.ป.ช.ชุดใหม่สนิทใครหรือเปล่า “อดีตนายกฯแม้ว”ก็อาจต้องเอาคอพาดเขียง ..ยิ่งเรื่องชั้น 14  ตอนนี้นักกฎหมายเริ่มออกมากระทุ้งแล้วว่า “ติดคุกตามหมายศาลให้ขังก็ต้องขัง เมื่อยังไม่ขังก็ไปเอากลับมาดำเนินการตามหมายศาล”  

แล้วอดีตนายกฯแม้วยังมีข้อหาครอบงำพรรคอยู่ที่ กกต. ทั้งพรรคเพื่อไทย ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดตั้งรัฐบาลในบ้านจันทร์ส่องหล้าอีก ก็ไม่แน่ คดีนี้อาจเป็นเรื่องรอยแค้นที่ขับ พปชร.ออกจากร่วมรัฐบาลด้วยส่วนหนึ่ง ..ตัวแปรที่เขาจับตาคือนายสันติ พร้อมพัฒน์ บ้านใหญ่เพชรบูรณ์ ที่เข้าร่วมประชุม“กินมาม่า”ในวันนั้นด้วย ว่าจะให้ข้อมูลเป็นคุณเป็นโทษอย่างไร มีแอบอัดเสียงหรือไม่ ( ซึ่งจากคดีดิไอค่อน การแอบอัดเสียงนี่น่าจะยกเป็นพฤติกรรมแห่งปีจริงๆ ) ซึ่งก็ไม่แน่ว่า นายสันติใจอาจไม่อยู่ พปชร.แล้ว จากข่าวหึ่งๆ ว่า กลุ่มเพชรบูรณ์ และกลุ่มชากังราวของนายวราเทพ รัตนากร จะย้ายกลับเพื่อไทย .. ก็มีคนมองๆ อยู่ว่า ถ้าแคนดิเดตนายกฯ พปชร.เป็นบิ๊กป้อม ก็ไม่น่าจะสร้างกระแสได้  

บุคคลแห่งปี 2567 มอบให้ “อดีตนายกฯแม้ว ทักษิณ ชินวัตร” ได้แบบไร้ใครมาแข่งจริงๆ

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่