ปี “มังกรทอง” การเมืองสุดเข้มข้น เจอ “นิติสงคราม” พลิกคว่ำพลิกหงายไปตามๆกัน จึงเวลามาสแกนความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองหลักๆ ซึ่งเป็นคีย์แมนในการดำรงความเป็นไปของระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ดังนี้

พท.ฝ่ามรสุมการเมือง

“พรรคเพื่อไทย” (พท.) แกนนำรัฐบาล ปี 2568 เป็นวาระแห่งการปักหมุดจัดทัพสู้ศึกสนามการเมืองท้องถิ่น ที่ต้องชิงพื้นที่กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 ของ “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” งานนี้พรรคเพื่อไทยส่งตัวพ่อ อย่าง นายใหญ่ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งนายก อบจ. หวังทะลวงดึงฐานเสียงหัวเมืองหลักกลับมา เพื่อปูทางรอสงครามครั้งใหม่คือการเลือกตั้งในปี 2570 และหวังจะกลับมาเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งของประเทศ

แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นยังมีทางวิบาก “นิติสงคราม” รออยู่ข้างหน้ากับคดีร้อนๆ ที่อยู่ในมือขององค์กรอิสระ รุมถล่ม ทั้งเรื่อง เทวดาชั้น 14 การครอบงำพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังต้องเจอกับวิกฤติศรัทธาเหตุยังทำตามนโยบายในการหาเสียงไม่ได้ทั้งหมด

ภท.ชิงเหลี่ยมอำนาจ     

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออร่าเจิดจรัส ภายใต้การนำของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เจ้าของ รหัส “มท.1” ในปี 67 เป็นพรรคการเมืองที่มีบทบาทสำคัญและเป็นตัวแปรในการร่วมรัฐบาลมาตลอด มีเกม “หักเหลี่ยมชิงอำนาจ” เป็นระยะๆ ซึ่ง ภท. ส่งไม้ต่อหัวหน้ากลุ่มนิวเจน อย่าง“เลขาฯนก” ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค ลูกชาย “ครูใหญ่เนวิน” เป็นแกนนำลุยชน เช่น พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดหักหน้านโยบาย “ภท.” ที่ถอดกัญชาออกจากยาเสพติด ฝั่ง “ภท.” ก็สู้กลับขู่คว่ำนโยบายตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย จนสุดท้าย “พท.” ต้องถอยไปให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้  และปรากฎการณ์ฮึกเหิมก็เกิดขึ้น หลังจาก ภท. ยึด “วุฒิสภา” ได้แบบเบ็ดเสร็จในเดือน มิ.ย.67 

นอกจากนี้ ‘ภท.’ ยังประกาศชัดเจนส่อเค้าขวางแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ  ขวางการนิรโทษกรรม หากแตะ มาตรา 112 หรือ ร่างพ.ร.บ.ประชามติกลับไปใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ในการแก้รัฐธรรมนูญ และสดๆร้อนๆ “เสี่ยหนู” เบรกร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวง กลาโหมสกัดปฏิวัติของสส.เพื่อไทย จนต้องขอถอนร่างจากสภาฯกลับไปปรับปรุงทันที  ดังนั้นในปี 68 “พรรคภูมิใจไทย” น่าจะเป็น “หอกข้างแคร่” เบอร์ 1 ของพรรคเพื่อไทย ตัวจริง เสียงจริง

ปชน.ฝ่าด่านมรณะ

เจอวิบากกรรมนิติสงครามยุบพรรคซ้ำซาก จากพรรคอนาคตใหม่ สู่พรรคก้าวไกล ก่อนมาเป็น “พรรคประชาชน” ที่มี “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคฯ นำทัพสานต่อภารกิจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศตามดีเอ็นเอเดิมของพรรคอนาคตใหม่ แต่กระแสพรรคก้าวไกลที่เคยเปรี้ยงปร้างจนชนะเลือกตั้งอันดับ 1 กลับแผ่วลงๆ เห็นได้จากการแพ้ทุกสนามเลือกตั้งทั้งเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก และนายกฯอบจ. รวมทั้งบทบาทการทำหน้าที่ผู้นำพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาของ “เท้ง ณัฐพงษ์” ที่ไม่โดดเด่นจนถูกนำไปเสี้ยมเปรียบเทียบกันเองกับ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฯ

เหนือสิ่งอื่นใดการเมืองปี 68 มีวาระสำคัญของพรรคประชาชนที่ต้องจับตายิ่ง คือการพิจารณาคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ที่อยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช. หากผลออกมาเป็นไปในทางเลวร้ายสุด เจอฟันผิดจริยธรรมยกล็อต ย่อมทำให้พรรคประชาชนถึงขึ้นแพแตก เพราะหัวหน้าพรรคและแกนนำตัวจี๊ด ต้องปลิวจากเก้าอี้ สส.ทั้งหมดเหลือแค่สส.ใหม่ที่ยังอ่อนพรรษาทางการเมือง อีกทั้งนิติสงครามที่ยังไม่มีวันจบสิ้นเป็นด่านมรณะที่จะถูกนำมาใช้ห้ำหั่นกันได้ตลอดเวลา ดังนั้นหากไม่สามารถปลุกปั้นทายาททางการเมืองที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่พรรคอนาคตใหม่หรือก้าวไกลได้สร้างไว้ อนาคตทางการเมืองและความฝันเปลี่ยนประเทศของชาวด้อมส้มย่อมริบหรี่ลงไปด้วย

ปิดตำนานบ้านป่าฯ  

พรรคพลังประชารัฐ ที่มี สส. 40 คน ภายใต้ แกนนำ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ถือว่าเป็น “ยุคขาลง” จากรอยร้าวที่ไม่ลงรอยกับ “ผู้กองธรรมนัส”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรค ที่สะสมกันมาตลอดและมาแตกหักในเรื่องการไม่เสนอชื่อ “ผู้กองธรรมนัส” ใน ครม. “แพทองธาร 1” จนกระทั่ง “ผู้กอง ธรรมนัส” ขน 20 สส. ไปประกาศอิสระภาพ จาก “บิ๊กป้อม” ที่กระทรวงเกษตรฯ  เมื่อวันที่ 20 ส.ค.67  ซึ่งเบื้องต้น กุนซือทีมกฎหมายบ้านป่า ต้องการที่จะสั่งสอนด้วยการเก็บ “ผู้กอง”และ20 สส.ไว้กับตัว ไม่ให้มีอิสระทางการเมือง แต่สุดท้ายเกมพลิก เมื่อ “หวานใจ” ติดชนัก คดีส.ป.ก. ไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี  ทำให้ “บิ๊กป้อม” ต้องยอมกลืนเลือด ขับ “20 สส.ก๊วนผู้กองธรรมนัส” พ้น พลังประชารัฐ

นอกจากนี้ “บิ๊กป้อม”ยังโดนลูบคม ถูกฟ้องติดบ่วงนิติสงคราม บ้าง จากที่เคยเป็น “ผู้ตรวจสอบ” กลายมาเป็น  “ผู้ถูกตรวจสอบ” มีคลิปเสียงคล้ายคนบ้านป่า ออกเป็นซีรีย์ๆ ทั้งเรื่อง เงินๆ ทองๆ การโยกย้ายข้าราชการ รวมไปถึงการถูกกระชับอำนาจตกสวรรค์จากนเก้าอี้ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ขุมอำนาจและเงินจำนวนมาก ซึ่งในปี 68 ต้องจับตา “บิ๊กป้อม” บนถนนการเมืองว่าจะไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะถูก “ล็อคเป้า”  จากหลายฝ่ายเช็คบิล ให้ วางมือทางการเมือง แลกกับความอยู่รอดของ “หวานใจ”

วันนี้ที่รอคอย  

ภายหลังจากที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คืนอิสระให้กับ “20 สส.ก๊วนผู้กองธรรมนัส”  ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวของ “พรรคกล้าธรรม (กธ.) ”ที่มี “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์รมว.เกษตรและสหกรณ์  นั่งกุมบังเหียนอยู่  จากที่มี 4 สส.พรรคเล็กย้ายเข้าไปร่วมพรรค หลังปีใหม่ 68  “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา จะนำทีม สส.ไปซบ ทำให้พรรคกล้าธรรมผงาดมี สส. 24 คน ทันที ก่อนจะเปิดตัวพรรคแบบยิ่งใหญ่ หลังรีโนเวทที่ทำการพรรค เสร็จเรียบร้อยมาสักระยะหนึ่งแล้ว ในปี 2568 เราจะได้เห็นภาพ “ผู้กองธรรมนัส” ลงพื้นที่โปรโมท “พรรคกล้าธรรม” แบบทุ่มสุดตัว หลังจากรอคอยที่จะประกาศอิสรภาพจาก “บิ๊กป้อม” มาเกือบครึ่งปี!!

ทั้งหมดนี้เป็นแรงเคลื่อนท่ามกลางรอยรักรอยร้าวมุ่งสู่การแย่งชิงอำนาจ และการเตรียมทัพสู่สงครามครั้งใหม่ คงต้องดูว่า มีพรรคการเมืองใด ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง.