ทั้งนี้ เรื่องของคน 2 คนที่รักกัน หรือตกลงปลงใจตกล่องปล่องชิ้นกันแล้ว แต่ก็ต้องเลิกรากันนั้น สาเหตุหรือปัจจัยนั้นมีมากมายหลากหลาย ซึ่งก็ “เป็นเรื่องของคน 2 คน” ที่มักมีการพูดกันว่า “คนอื่นไม่เกี่ยว??” อย่างไรก็ตาม กับหลายเคสหลายคู่…
“คนอื่นก็เกี่ยว” อย่าง “มีนัยสำคัญ”…
มีหลาย ๆ คู่ที่ “รักล่มเพราะคนอื่น!!”
กับปรากฏการณ์ “คนดังรักร้าง” ที่เกิดขึ้น “ครึกโครมในสังคมไทย” ต่อเนื่อง…ก็ว่ากันไป อย่างไรก็ตาม กับเรื่อง “รักล่ม-รักร้าง” โดยทั่ว ๆ ไปนั้น เรื่องนี้แหล่งข่าวนักจิตวิทยาท่านหนึ่งได้เคยวิเคราะห์และสะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้ ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังน่าคิด โดยสังเขปมีว่า… คน 2 คนที่คบหากันนั้น ถ้าทั้งคู่มีความสุขในความสัมพันธ์ ไม่มีปัญหาในความสัมพันธ์ ก็คงจะไม่มีการเลิกกันแต่เมื่อใดที่ ความสัมพันธ์เริ่มเปลี่ยนแปลง หรือมี ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เกิดขึ้น ก็เสี่ยงเกิด “ภาวะรักสั่นคลอน” ซึ่งการเลิกรากัน โดยทั่วไปส่วนใหญ่เกิดจากการที่ไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ จึงยุติความสัมพันธ์กัน แต่ก็มีไม่น้อยที่ “มีเหตุจากมือที่ 3” หรือ “มีบุคคลอื่นเข้ามาแทรกความรัก” ที่ปัจจัยนี้ก็ “เป็นปัจจัยนำสู่การเลิกร้างได้ง่าย”
โดยเฉพาะ “ในช่วงที่รักกำลังอ่อนแอ”

รศ.สักกพัฒน์ งามเอก
ทั้งนี้ การ “ต้องยุติสัมพันธ์รัก” ของคน 2 คน ของคู่รัก “เพราะคนอื่น” นั้น นอกจาก“มีมือที่ 3 เป็นรักซ้อน”ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว กับ “อิทธิพลคนรอบ ๆ ข้าง”ที่มิใช่รักซ้อนของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ “เป็นตัวกระตุ้น-เป็นสาเหตุทำให้คู่รักต้องรักล่มได้เช่นกัน” ซึ่งก็สะท้อนว่า “ความรักเป็นเรื่องของคนมากกว่า 2 คน”
กรณีนี้ก็ “มีมุมจิตวิทยาสะท้อนไว้”…
เกี่ยวกับประเด็น “ความรักเป็นเรื่องของคนมากกว่า 2 คน” ที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลด้วยในวันนี้ เรื่องนี้มี “มุมวิเคราะห์” ที่ทาง รศ.สักกพัฒน์ งามเอก อาจารย์ แขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ ผู้เชี่ยวชาญประจำ ศูนย์จิตวิทยาพัฒนาการและความสัมพันธ์ระหว่างวัย ได้มีการสะท้อนไว้ผ่านทางบทความชื่อ “ความรักเราและคนอื่น ๆ : ความสัมพันธ์เชิงคู่รัก และอิทธิพลของคนรอบข้าง” โดยบทความนี้มีการเผยแพร่ไว้ทาง เว็บไซต์คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้อธิบายเชิงจิตวิทยาไว้เกี่ยวกับ “ปัจจัยกระตุ้น” ดังกล่าว ที่อาจนำสู่กรณี…
“รักร้าง–หย่าร้าง” ยุติความสัมพันธ์…
โดย “มีปัจจัยจากอิทธิพลคนรอบข้าง”
ทาง รศ.สักกพัฒน์ ระบุไว้ในบทความดังกล่าวว่า… ความสัมพันธ์เชิงคู่รัก ที่ประสบความสำเร็จ หรือที่ล้มเหลว ส่วนหนึ่งก็อาจเกิดจากการได้รับการสนับสนุน หรือการไม่ได้รับการสนับสนุน จากบุคคลอื่น ๆ ได้เช่นกัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจเคยมีประสบการณ์ที่ สมาชิกครอบครัว หรือเพื่อนที่หวังดี พยายามแนะนำ ตักเตือน แม้กระทั่งด่า เมื่อบุคคลรอบข้างหรือบุคคลอื่นเหล่านี้ เห็นว่า…คนที่เราคบหาดูใจอยู่ หรือแม้แต่แต่งงานด้วยแล้ว ไม่น่าจะเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา?? หรือซ้ำร้ายหนัก บางคนอาจพยายามพิสูจน์ความเห็นตนเอง ว่าสิ่งที่เชื่อ หรือที่เตือนนั้น เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว??…
จน “ล้ำเส้น” ทั้งการกระทำและคำพูด

นักวิชาการจิตวิทยาท่านนี้ระบุไว้อีกว่า… แม้จุดเริ่มต้นความรักอาจเป็นเรื่องของคน 2 คน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรักและความสัมพันธ์เชิงคู่รักก็คงจะไม่สามารถจำกัดอยู่แค่เรื่องของคน 2 คนได้ ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า… คนรอบข้างมีอิทธิพลต่อความรักและความสัมพันธ์เชิงคู่รัก…ไม่มากก็น้อย ดังนั้น การรักษาความสมดุลระหว่างการรับรู้ของตัวเอง และความเห็นจากคนรอบข้างนั้น ก็อาจเป็น โจทย์สำคัญที่คู่รักต้องช่วยกันประคับประคอง ให้ดี ๆ
“เมื่อความสัมพันธ์เชิงคู่รักราบรื่น การลดทอนเสียงจากคนรอบข้างอาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี แต่เมื่อความสัมพันธ์นี้เผชิญความท้าทายและอุปสรรค การรับฟังเสียงจากคนรอบข้างและการประเมินสถานการณ์บนความเป็นจริงก็อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกัน” …เป็นอีกส่วนหนึ่งจากที่ รศ.สักกพัฒน์ งามเอก ระบุไว้ในบทความ
กับกรณี “เสียงคนรอบข้าง…กับคู่รัก”
อย่างไรก็ตาม รศ.สักกพัฒน์ ระบุไว้ด้วยว่า… แม้การรับฟังเสียงคนรอบข้างจะเป็นเรื่องดี แต่ ความเห็นจากคนรอบข้างก็ไม่ได้เป็นประกาศิตที่จะชี้เป็นชี้ตายความสัมพันธ์ระหว่างเราและคนรักได้ หากแต่เป็นเพียงแค่กระจกสะท้อนสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ซึ่งบางบานอาจนำเสนอภาพตรงความจริง และบางบานก็อาจเสนอภาพที่บิดเบี้ยวด้วยเหตุนี้ การพิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบด้านก็ยังคงต้องใช้อยู่เสมอ …นี่เป็นภาพสะท้อนผ่านแง่มุมจิตวิทยาที่น่าสนใจ
ต่าง ๆ เหล่านี้ก็มิใช่จะชี้ถึงรักร้างคนดัง ๆ
ก็เพียงสะท้อนต่อข้อมูล “คนรอบข้าง”
ว่า “ก็มีอิทธิพลต่อสัมพันธ์ของคู่รัก”
ที่ “ก็อาจเป็นปัจจัยพังรักคู่รักได้!!”.
ทีมสกู๊ปเดลินิวส์