ทั้งนี้ “ถอดแนวคิดความมั่นคงชายแดน”นี่เป็นประเด็นที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะนำเสนอ โดยเป็นแนวคิด-มุมมอง 4 ผู้ทรงคุณวุฒิ คือ ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์, ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส, เอกวรัญญู อัมระปาล, พ.อ.คมกฤช คชรักษา ในฐานะนักศึกษา วปอ.บอ. หรือ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต รุ่นที่ 2 ที่ร่วมกันสะท้อนไว้ทั้งด้านสังคม-เศรษฐกิจ-การเมือง-การทหาร โดยโฟกัสที่กรณี…

เส้นแบ่งแห่งโอกาสและอนาคตร่วมกัน

แนวคิด “ความมั่นคงชายแดน”ดังกล่าวนี้ มีที่มาจากการที่ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) นำนักศึกษา วปอ.บอ. รุ่นที่ 2 ศึกษาดูงานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย–เมียนมา เพื่อทำความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน เปิดเวทีให้ร่วมกันถอดบทเรียน แลกเปลี่ยนมุมมอง และนำเสนอแนวคิด-แนวทางแก้ปัญหา ซึ่งโดยสังเขปนั้นมีดังนี้…

เริ่มที่…ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ ที่ระบุไว้ว่า… รากเหง้าที่แท้จริงของปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา ไม่ใช่เขตแดน แต่เป็นผลจากความไม่สงบทางการเมืองภายในเมียนมาที่ยืดเยื้อยาวนาน และการสู้รบระหว่างรัฐบาลกับชนกลุ่มน้อย ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยในหลายมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง เช่น มีผู้อพยพลี้ภัยเข้าไทย ช่องทางส่งออกสินค้าจากไทยถูกตัดขาด เครื่องบินรบบินล้ำเข้าเขตไทย ยาเสพติดข้ามแดน รวมถึงภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเซ็นเตอร์

การแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดคือต้องหยุดสงคราม ซึ่งประเทศไทยอาจช่วยได้โดยใช้จุดแข็งของไทยในฐานะประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งฝั่งรัฐบาลและฝั่งชนกลุ่มน้อย ในการเป็นคนกลางเจรจาอย่างสันติ และผลักดันให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย เพื่อลดจำนวนผู้ลี้ภัย และสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนร่วมกัน”…ผศ.ดร.ลลิตา ระบุไว้ …ซึ่งโดยสรุปคือ เรื่องภายในประเทศเขานำสู่ปัญหาชายแดนและปัญหาในประเทศเรา …ก็ลองเทียบเคียงดูกับด้านตะวันออก?

ถัดมา… ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ระบุไว้ว่า… ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา จำเป็นต้องมีแนวทางแก้ไข ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น สามารถบริหารจัดการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคม ส่วนระยะยาว ประเทศไทยสามารถมีบทบาทในการสนับสนุนการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ด้วยการส่งเสริมกระบวนการพูดคุยระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ใช้ความสัมพันธ์อันดีที่ไทยมีอยู่กับหลายฝ่ายเป็นทุนทางการทูต

ไทยสามารถแสดงบทบาทในเวทีอาเซียนอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการส่งเสริมประเด็นเสถียรภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาค โดยใช้จุดแข็งของประเทศในด้านความมั่นคง เทคโนโลยี และทรัพยากร ในการขับเคลื่อนความร่วมมืออย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการเป็นประชาคมที่เคารพความหลากหลายและมีแนวทางการแก้ปัญหาที่เปิดกว้างและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”…ตรีรัตน์ ระบุไว้ …ซึ่งก็อาจน่าคิดกับการปรับใช้แก้ปัญหาด้านตะวันออก?

ต่อด้วย… เอกวรัญญู อัมระปาล ที่ระบุโดยยกตัวอย่างแนวทางฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซาในพื้นที่ชายแดนด่านแม่สาย–ท่าขี้เหล็ก โดยอ้างอิงการเสนอของนักวิชาการหลายคน อาทิ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน-โลจิสติกส์, ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อดึงดูดการลงทุน-กระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ, ส่งเสริมการค้าชายแดนผ่านระบบดิจิทัล ลดขั้นตอน เปิดช่องทางการค้ารูปแบบใหม่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น, ฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่ ส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างอัตลักษณ์ให้จดจำ

การฟื้นฟูแม่สายให้กลับมาเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนระดับภูมิภาค ต้องอาศัยความร่วมมือใกล้ชิดจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนอีกครั้ง”เอกวรัญญูระบุไว้ …ซึ่งประเด็น “ความร่วมมือจากทุกฝ่าย” นี่ก็น่าเทียบเคียงดูกับกรณีปัญหาชายแดนด้านตะวันออกของไทย?

ปิดท้ายที่… ..คมกฤช คชรักษา ที่เสนอแนวทาง “พัฒนาพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืนเพื่อความมั่นคง” โดยอ้างอิง “โครงการพัฒนาดอยตุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาการปลูกฝิ่นในพื้นที่สูง โดยระบุไว้ว่า…เป็น โมเดลที่สามารถประยุกต์ใช้กับพื้นที่ชายแดนต่าง ๆ ได้ เพื่อสร้างความมั่นคง…ที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อพื้นที่ชายแดนทั้ง 2 ฝั่งได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล มีการคำนึงถึงประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้

การสร้างความมั่นคงชายแดนในระยะยาว ต้องพัฒนาอย่างครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต, ด้านการศึกษา เพื่อให้คนในพื้นที่มีโอกาสพัฒนาตนเองและกลับมาช่วยพัฒนาชุมชน, ด้านสาธารณสุข เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี, ด้านเศรษฐกิจ การค้าชายแดน ที่ช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง ให้มีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีไปพร้อมกัน” …พ.อ.คมกฤชเสนอ “แนวคิดความมั่นคงชายแดน” ไว้ …ซึ่งก็น่าคิด

ทั้งนี้ แนวคิดที่สะท้อนไว้จากทาง วปอ. โดยนักศึกษา วปอ.บอ. ไม่เพียงน่าคิดสำหรับ “ความมั่นคงชายแดน” ทางฝั่งตะวันตกของไทย โดย “แง่มุมเชิงหลักการ” กับ “ชายแดนไทยทางฝั่งตะวันออก”ก็นับว่า “น่าคิดถึงการประยุกต์ใช้”

แต่ก็ “ต้องรอสถานการณ์เหมาะสม”

รอ “วันที่ความตึงเครียดคลี่คลาย”

ที่ “อีกนานมั้ย?…ยังยากจะชี้ชัด!!”.

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์