หลากหลายบทบาทที่รับหน้าที่สำคัญทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถือได้ว่าเส้นทางชีวิตของ คุณเป้า-ดร.อนงค์วรรณ เทพสุทิน ภริยาสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะบทบาทล่าสุดของการทำหน้าที่เป็น ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี ยิ่งทำให้คุณเป้ามีความโดดเด่นชัดเจนขึ้นมาอีกระลอก

คุณเป้าเล่าถึงที่มาของการทำหน้าที่ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี ว่า “ปีนี้รับหน้าที่เป็นประธานสโมสรฟุตบอลเข้าปีที่ 5 แล้ว เริ่มต้นมาจากทำหน้าที่ต่อคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน เดิมพี่เคยเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล และชอบเชียร์กีฬาอยู่แล้ว แรก ๆ แอบกังวลว่า การทำหน้าที่จะไม่เป็นที่ถูกใจแฟนบอลหรือไม่ พอรับหน้าที่ เลือดก็สูบฉีด เพราะเราเป็นนักกีฬาเก่าจะลุยจนลืมวัย บู๊แหลก ทั้งที่ปีนี้พี่ย่าง 64 ปีแล้ว การทำหน้าที่นี้ ต้องสลัดหน้าที่เดิมที่เคยเป็นอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรีไป เพราะอดีตคืออดีต ปัจจุบันเราคือ ประธานสโมสรฟุตบอล เราต้องทำตัวให้เข้ากับนักฟุตบอล แฟนบอลซึ่งเขาจะเรียกเราว่า คุณแม่ ๆ ในเรื่องแนวคิด ไอเดียเทคนิคต่าง ๆ เราไม่ก้าวก่ายโค้ช ไม่ก้าวก่ายทีม แต่เราจะพูดให้กำลังใจ เราจะประเมินเกมแต่ละเกมว่า นักฟุตบอลมีความฮึกเหิม มีความกระหายว่าอยากชนะหรือไม่ เราจะโฟกัสขอบเขตของเราแค่นี้ อีกมุมหนึ่งที่สนับสนุนคือ เรื่องอาหารการกิน อยากให้นักฟุตบอลทีมเราที่เราเรียกว่าลูกชายเราทั้งทีมรวมถึงสตาฟฟ์ได้รับประทาน ส่วนใหญ่พี่จะโชว์ฝีมือทำอาหารเอง ที่ทำบ่อย ๆ คือ หมูสามชั้นทอดน้ำปลากับข้าวเหนียว นอกนั้นจะเป็นเนื้อจะนำไปทำเมนูต่าง ๆ ให้รับประทาน”

ในด้านการมีส่วนร่วมของการออกแบบเสื้อผ้าของสโมสรฟุตบอล คุณเป้าบอกว่า “การจะเป็นเสื้อฟุตบอล เสื้อกองเชียร์ หรือ เสื้อที่ระลึก เราเป็นจังหวัดสุโขทัยเรามีเอกลักษณ์ของเรา ในอดีตเรื่องกีฬาฟุตบอลของเราค่อนข้างห่างหาย ไม่ได้ขึ้นมาอยู่ในชั้นไทยลีก หรือลีกสองเหมือนปัจจุบัน พอมีผู้คนสนใจในทีม เรามีความฮึกเหิมและเสื้อนักกีฬา เราเป็นผู้หญิงมองว่า ควรดูสวย มีสัญลักษณ์ประจำถิ่น ที่เสริมความสวยงาม พอมีคนสนใจ อุ่นใจ มั่นใจในความเป็นสุโขทัยของเรา สีสันมีสีประจำคือ สีส้ม เลยหาลายที่เกี่ยวข้องกับทีมฟุตบอล สิ่งแรกคือ สัญลักษณ์โลโก้สัตว์ประจำท้องถิ่นคือ ค้างคาว พอเป็นสีส้มเขาบอก ค้างคาวไฟ ใหม่ ๆ มีตัวค้างคาวอยู่บนตัวเสื้อด้วย ตอนหลังเริ่มมีสัญลักษณ์ของจังหวัดไม่ว่าจะเป็น ลายทองโบราณ ลายศิลาจารึก ลายกำแพงเมืองเก่า แต่ละรุ่นมีการปรับเปลี่ยนทีละน้อย ปีนี้เป็นลายผ้าทอท้องถิ่น ลายผ้าขาวม้าหาดเสี้ยว ขึ้นมามีส่วนในตัวเสื้อตรงแขนและคอเสื้อ การออกแบบเสื้อ ซึ่งการใช้ผ้าท้องถิ่นนั้นเป็นการสนับสนุนโครงการของสปอนเซอร์หลักคือ ไทยเบฟฯ ปีหนึ่งเราคิดแบบกันครั้งหนึ่ง มีแฟนฟุตบอลส่งไอเดียการออกแบบทางเพจของสโมสรด้วย เราก็แบ่งปันไอเดียกัน”

ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี ยังบอกถึงแง่มุมของการสร้างเสริมกำลังใจกับนักกีฬาฟุตบอลในสโมสรว่า “นักกีฬา บางครั้งเขาถูกนำไปแล้ว บางคนจะมีอาการ ที่เราดูจากสายตาภายนอกของเราว่า เขามีท่าที แต่จะมีบางคนที่สู้ ฮึกเหิม แต่ละทีมเขาจะมีกัปตันทีม ที่มีวุฒิภาวะสูงที่จะมีการคัดเลือกจากทีม เราจะพูดคุยกับกัปตันทีม ทีมสุโขทัยโชคดีที่มีกัปตันที่มีความฮึกเหิม กระตุ้นลูกทีมได้ดี บางทีเราจะดูภาพย้อนหลัง ก่อนลงสนามเราจะให้กำลังใจ บอกให้สู้ให้เต็มที่จะเป็นลักษณะนี้ เราจะคุยกันก่อนแข่งและวันแข่งสั้น ๆ ทีมบอลอยู่ที่สุโขทัย เราอยู่กรุงเทพฯ เราจะถามถึงความเคลื่อนไหวตลอด ก่อนวันแข่งเราจะไป เราจะขนอาหาร เอาวัตถุดิบไปทำให้เขารับประทานและเย็นวันก่อนแข่งเราจะเจอกับลูก ๆ ในสนาม”

ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์ส่วนตัว คุณเป้าบอกว่า “ไลฟ์สไตล์ พี่เป็นคนยังดูคล่องแคล่ว พี่ชอบออกกำลังกาย ออกได้ทุกเวลา ชอบดูรายการทางทีวีออกแนวขำ ๆ สร้างเสียงหัวเราะ เรื่องการแต่งกายเราเคยแต่งตัวสมัยนักศึกษาอย่างไร เราก็ยังคงแต่งแบบนั้นอยู่ ทั้งที่ปีนี้เราอายุย่าง 64 ปีแล้ว เราแต่งตัวธรรมดา กางเกงยีนขาด ๆ พี่ก็ยังใส่อยู่ ถ้าเป็นทางการพี่ก็แต่งกายให้เหมาะสม แต่ถ้าฟรีสไตล์ธรรมดาจะแต่งแบบสบาย ๆ พี่ใส่รองเท้าผ้าใบ กางเกงยีน เสื้อยืด รวบผมมัดจุก เสื้อผ้าชอบอันไหนก็ใส่ซ้ำ ๆ ที่เราคิดว่าเหมาะกับเรา ไม่ตามยุคสมัยตามแฟชั่นนัก แต่เลือกสีเลือกแบบที่เราชอบ”

ในมุมมองของความเชื่อเรื่องพลังแห่งการคิดบวก คุณเป้าถ่ายทอดความคิดเห็นว่า “การคิดบวก ต้องคิดบวกและบวกแบบบริสุทธิ์จริง ๆ ต้องคิดบวก หรือพลังบวก จากตัวเราเองที่ผ่านมา มีแนวคิดธรรมดาที่บางครั้งใครทำอะไรให้เรารู้สึกไม่ดี คนที่ทำให้เราเย็นลง ปล่อยวาง ยิ่งคลายลงคือ ท่านสมศักดิ์ มักจะพูดว่า มันอาจจะดีก็ได้ ฟังแบบนี้ เราจะขำเลย ต้องมีคนที่เป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจอยู่บ้าง ตัวเราเองคิดว่า บางครั้งเราหมกมุ่น คิดลบ เหมือนเพลงก้อนหินก้อนนั้น คือถือก้อนหินก้อนนั้น แล้วบีบเองมือเราก็เจ็บเอง พี่มีมุมคิดแบบขำ ๆ ในมุมของพี่นะคือ คิดว่า คิดมาก เดี๋ยวเราแก่ วัยคือ ปัจจัยที่ทำให้เราคิดพลังบวก เรามีคนที่เคารพรักเราเยอะ เรามีลูกน้องเยอะ ถ้าเราพูดอะไรชี้นำเชิงให้แย่กว่าเดิม จะไม่เหมาะสม ไม่ได้เกี่ยวกับการรักษาภาพลักษณ์ แต่เราคิดแบบนี้จริง ๆ เราจะคิดการพูดที่สร้างกำลังใจกันมากกว่าที่จะพูดซ้ำเติม”