กาลเวลาที่ผ่านไป แต่ผมไม่เคยลืมเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตามล่า ตามล้าง ตามเช็ด คนร้ายแก๊งตี๋ใหญ่ ยังคงอยู่ในความทรงจำของผมมาตลอด ไม่เคยลืม แม้กระทั่งเวลาผมมีโอกาสไปทำบุญที่ไหน ก็จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ ตี๋ใหญ่กับลูกน้องเค้าเสมอ เคยมานั่งคิดทบทวนดูว่า อาชีพของเรามันสวนทางกัน คุณเป็นโจรผู้ร้าย ผมเป็นตำรวจผู้รักษากฎหมาย ต้องตามจับบรรดาคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นเอง…

ถ้อยคำบางช่วงบางตอนของ ...บรรดล ตัณฑไพบูลย์ อดีต รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมากว่า 41 ปีแล้ว

ใครจะไปคิดบ้างว่า เรื่องราวของ นายกรประเสริฐ ช่างเขียน ชาว อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ที่ถูกเรียกขานให้เป็น “จอมโจรตี๋ใหญ่” ช่วงยุคสมัยตั้งแต่ปี พ.ศ.2516-2524 ยังคงถูกนำมาเล่าสู่ต่อกันฟังอยู่เสมอ แม้เหตุการณ์จะล่วงเลยมานาน มีทั้งนำมาดัดแปลงเค้าโครงจากเรื่องจริง ทำเป็นบทละครโทรทัศน์ ออกเผยแพร่มากถึง 3-4 รอบ นอกจากนี้ปัจจุบันข้อมูลต่างๆ ยังหลั่งไหลไปสู่โลกโซเชียล แตกแขนงไปมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งพูดกันว่า ตี๋ใหญ่ ยังไม่เสียชีวิต หนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือไปบวชก็มี ฯลฯ

ตี๋ใหญ่” จอมโจรที่ผู้คนยังเล่าขาน

หากย้อนกลับไปคดีของตี๋ใหญ่ เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 แต่ผู้คนเริ่มพูดถึงในช่วง ปี พ.ศ.2517-2518 จากคดีบุกพากันไปปล้นร้านทองถึง จ.เชียงใหม่ แต่ก็มาพลาดท่าถูกตำรวจนครบาลจับตัวได้ หลังก่อคดีปล้นร้านเฟอร์นิเจอร์ ท้องที่ สน.ภาษีเจริญ การถูกตำรวจจับกุมตัวในปี พ.ศ.2518 นำตัวมาพิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายรูปบันทึกประวัติจับกุม ภาพดังกล่าวแทบจะกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่กรมตำรวจ (สมัยนั้น) ต้องกระจายแจกจ่ายไปยังโรงพักทั่วประเทศ เพราะหลังตี๋ใหญ่ ถูกจับกุมดำเนินคดีที่ สน.ภาษีเจริญ แล้วถูก ตร.สภ.เมืองเชียงใหม่ ขออายัดตัวขึ้นไปสอบปากคำคดีปล้นทอง จ.เชียงใหม่ โดยใส่กุญแจมือตีตรวนขาแน่นหนา ตำรวจพาคุมตัวขึ้นรถไฟไป จ.เชียงใหม่

แต่ขากลับหลังสืบพยานเสร็จแล้ว วันที่ 11 ต.ค.2518 ระหว่างคุมตัวนั่งรถไฟกลับกรุงเทพมหานคร ตี๋ใหญ่ อาศัยจังหวะช่วงกลางดึกทำทีขอเข้าห้องน้ำ แต่ฉวยโอกาสปีนออกทางหน้าต่างกระโดดหนีออกมาขณะรถไฟวิ่งผ่าน ระหว่างสถานีตะพานหิน-สถานีดงตะขบ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร คราวนี้กลายเป็นเสือติดปีก ย้อนกลับมารวมสมัครพรรคพวกจาก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี มาก่อเหตุปล้นทั้งในพื้นที่ จ.ราชบุรี กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี คดีของตี๋ใหญ่จึงขยับเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งทางหนังสือพิมพ์รายวันเมื่อก่อคดีปล้น โดยเฉพาะช่วงปี พ.ศ.2520 ก่อคดีทั้งในพื้นที่ บช.ภ.7, บช.ภ.1 และ บช.น. ขณะนั้น พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น เป็นอธิบดีกรมตำรวจ

ต่อมา พล.ต.ท.จรัส เพ็งเจริญ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เริงณรงค์ ทวีโภค รอง ผบช.ภ.1 ได้วางแผนส่ง ส.ต.ท.บรรดล ตัณฑไพบูลย์ (ตำแหน่งขณะนั้น) ผบ.หมู่ กก.สืบสวน บช.ภ.1 นายตำรวจหนุ่มรูปร่างทะมัดทะแมง เนื้อตัวผิวพรรณขาว ตาตี่ เหมือนลูกครึ่งไทย-จีน ให้ลงไปฝังตัวกับสายข่าวในพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก แม้จะสามารถตามไล่ล่าเช็กบิลลูกน้องสมุนตี๋ใหญ่ทั้งถูกวิสามัญฆาตกรรมและจับกุมเข้าคุกดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องในเวลาต่อมา

แต่แทบไม่น่าเชื่อตลอดเกือบ 4 ปีเต็ม (2520-2524) ตี๋ใหญ่ สามารถหนีรอดมือกฎหมายได้ตลอด พร้อมยังยิงตำรวจเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายนาย แต่สุดท้ายก็ต้องมาจนมุม จบชีวิตใน วันที่ 26 ..2524 กลายเป็นข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมตี๋ใหญ่ เสียชีวิตคารถปิกอัพสองแถว บนถนนเส้นทางจะไปวัดธรรมโชติ ห่างจากปากทาง ถนนธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ประมาณ 2 กิโลเมตร

เปิดใจนายตำรวจยอมเสี่ยงฝังตัวในรังโจร

เรื่องราวการเสียชีวิตของตี๋ใหญ่ ผ่านมา 41 ปีเต็ม ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ มีโอกาสพูดคุยกับ พ.ต.อ.บรรดล ตัณฑไพบูลย์ อดีต รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี เจ้าของฉายา มือปราบเหยี่ยวดำ ซึ่งเป็น 1 ในทีมชุดตำรวจนอกเครื่องแบบที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมตี๋ใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็น นายตำรวจที่ยอมเสี่ยงตายแฝงตัวเข้าไปคลุกคลีหาข่าวอยู่แก๊งโจรตี๋ใหญ่ ด้วย แม้จะอยู่ในวัยเกษียณราชการตำรวจมานานหลายปีแล้ว แต่บุคคลิกท่าท่างน้ำเสียงของ พ.ต.อ.บรรดล ยังคงจดจำเหตุการณ์คดีดังในอดีตได้อย่างไม่ลืมเลือน

ปัจจุบันในโลกโซเชียลยังมีคำถามมากมาย โดยเฉพาะเรื่อง “ตี๋ใหญ่” ตายจริงหรือไม่?

ในเมื่อทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ มีโอกาสนั่งคุยกับ พ.ต.อ.บรรดล นอกจากจะไม่พลาดคำถามนี้แล้ว ยังถือโอกาสถามด้วยว่า ทำไมถึงกล้าตัดสินใจเข้าไปอยู่ในรังโจรตี๋ใหญ่ อดีตมือปราบฯ เล่าว่า ตี๋ใหญ่ก่อคดีมามากมายตั้งแต่ ปี 2518-2520 โดยเฉพาะคดีปล้นทรัพย์ ก่อเหตุในหลายพื้นที่ทั้ง บช.ภ.7, นครบาล และ บช.ภ.1 ไปจนถึง จ.เชียงใหม่ จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทนไม่ไหวก็มาร้องขอความช่วยเหลือ ทางตำรวจต้องตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาปราบปราม ในช่วงปี พ.ศ.2520 ผมยังเป็นเพียง “ส.ต.ท.” อยู่ในทีมงานของ พ.ต.ต.สิริ ทองมี สว.กก.สส.บช.ภ.1 ได้รับการเสนอให้ทำงานแฝงตัวเข้าไปหาข่าวแก๊งตี๋ใหญ่ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาเห็นหน่วยก้าน รูปร่างหน้าตา น่าจะเข้าพวกกับแก๊งตี๋ใหญ่ ได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่เป็นแก๊งกุมารจีน ผู้ใหญ่ส่งแฟ้มอาชญากรรมของตี๋ใหญ่ ไปให้อ่าน 1 คืนก่อนตัดสินใจ

ผมได้อ่านแฟ้มบันทึกประวัติคดีอาชญากรรมของตี๋ใหญ่ ตั้งแต่คดีแรก 12 ส.ค.2516 มาจนถึงคดี 12 ก.พ.2520 พบว่า คดีเกิดขึ้นตั้งแต่ภาคกลาง ไปถึงภาคเหนือ ทั้งปล้นชิงทรัพย์ ฆ่าคนตาย มีชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อมากมาย ในเมื่อเราเป็นตำรวจ มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ชาวบ้าน เมื่อชั่งใจดูแล้ว จึงยอมรับงานเสี่ยงตายครั้งนี้แบบเต็มใจ แม้จะต้องเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ตาม

ตามรอยไล่ล่า 4 ปี ถึงเจอตัว “ตี๋ใหญ่”

หลังตกปากรับทำงานใหญ่แล้ว พล.ต.ต.รณรงค์ ทวีโภค รอง ผบช.ภ.1 เซ็นอนุมัติให้ไปทำงานราชการลับ ฝังตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มลูกสมุนของตี๋ใหญ่ ใน อ.ดำเนินสะดวก ตั้งแต่ต้นปี 2520 หวังเกาะติดความเคลื่อนไหวเข้าให้ถึงตัวตี๋ใหญ่ได้มากที่สุด โดยมี “สาย” ของตำรวจช่วยเป็นสะพานเข้าไปได้ วางแผนว่าให้ผมเป็นหลานชาย เรียนอยู่ ม.รามคำแหง กลับมาเที่ยวบ้าน อ.ดำเนินสะดวก คลุกคลีอยู่พื้นที่นานหลายเดือนก็เข้าไม่ถึง หนำซ้ำ วันที่ 5 ส.ค.2520 แก๊งตี๋ใหญ่ยังเข้ามาก่อเหตุ ปล้นร้านทองวิชชุกรณ์ ท้องที่ สน.สำราญราษฎร์ ที่มี พ.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ เป็นสารวัตรใหญ่

พ.ต.อ.บรรดล กล่าวว่า สุดท้ายโชคก็เข้าข้างบ้าง เมื่อสาย ได้พาไปเจอกับ 1 ในลูกสมุนของตี๋ใหญ่ พูดคุยถูกคอจนเชื่อใจ เลยทำให้มีโอกาสได้สานสัมพันธ์กินเที่ยวกันสักพักใหญ่ จนสามารถไปเที่ยวได้ถึงบ้านในกรุงเทพมหานคร มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกสมุนคนอื่นๆ ได้เห็นหน้าคร่าตาอีกหลายคน แต่ไม่น่าเชื่อในกลุ่มเองก็ไม่ค่อยมีใครจะรู้ความเคลื่อนไหวของตี๋ใหญ่ ที่ค่อนข้างเก็บตัว อย่างไรก็ดีการฝังตัวเข้าไปก็ทำให้ได้ข่าวจะมี การรวมตัวของแก๊งตี๋ใหญ่ ย่านเขตพญาไท ใน วันที่ 11 ก.ย.2520 จึงได้ส่งข่าวนี้ให้ผู้ใหญ่รับรู้จนประสานงานระหว่างตำรวจภาค 1 กับนครบาล สามารถวางแผนกวาดล้างจับกุมกวาดล้างแก๊งตี๋ใหญ่ ใจกลางเมืองกรุง คนร้ายถูกวิสามัญวันเดียว 4 ศพ

หลังเหตุการณ์ แก๊งตี๋ใหญ่ถูกวิสามัญฯ กลางกรุง ไปถึง 4 ศพ ผู้ใหญ่จึงสั่งให้ถอนตัวออกมาจากพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก เพราะเชื่อว่าคนร้ายคงไหวตัวทันแล้ว แม้จะถูกกดดันไล่ล่าอย่างหนัก แต่ตี๋ใหญ่ ซึ่งมี อาวุธปืน 11 .คู่กาย ช่วงปลายปี 2520 ยังฉวยโอกาสปล้นธนาคาร จ.สมุทรสาคร ยิง ตร.เสียชีวิต 1 นาย ถัดมา 11 มี.ค.2521 ขณะหนีมากบดานบ้านเพื่อนในซอยวัดเขมาภิรตาราม อ.เมือง จ.นนทบุรี ตี๋ใหญ่สามารถแหวกวงล้อมออกไปได้และยิง ตร.เสียชีวิตอีก 1 นาย ทำให้กรมตำรวจ สั่งตั้งรางวัลนำจับสูงถึง 50,000 บาท

อดีตนายตำรวจมือปราบฯ กล่าวต่อว่า หลังจากถูกดึงตัวออกมาแล้ว ก็ยังคงติดตามข่าวคราวการจับกุมตี๋ใหญ่ อย่างต่อเนื่องเช่นเดิม กระทั่งปี พ.ศ.2523 จบการศึกษาชั้นปริญญาตรี ม.ศรีปทุม แล้วสอบเข้า อบรมนายร้อยตำรวจ รุ่น24 (นอร.24) ปรับยศเป็น “ร.ต.ต.” ไปเป็น รอง สวป.สน.ห้วยขวาง สุดท้ายก็ถูกดึงตัวเข้าไป กก.สส.น.เหนือ (ในสมัยนั้น) เพื่อร่วมทีมไล่ล่าตี๋ใหญ่ อีกครั้งเพราะเห็นว่า เคยเข้าไปคลุกคลีรู้ข้อมูลแก๊งตี๋ใหญ่เป็นอย่างดี รอบนี้จึงได้พบกับ “สายข่าว” จะเรียกว่าเป็นเพื่อนก็ว่าได้ เพราะเวลาตี๋ใหญ่ ไป จ.สมุทรสาคร จะไปแวะหาสายข่าวคนนี้ตลอด กว่าจะเกลี้ยกล่อมสายให้มาทำงานได้ ต้องใช้เวลาอยู่นาน โดยยื่นข้อเสนอก้อนโตเป็น เงินสินบน 50,000 บาท

เมื่อการทำงานครั้งนี้ค่อนข้างง่ายขึ้น ก็เริ่มได้ข่าวความเคลื่อนไหวของตี๋ใหญ่ ตั้งแต่ต้นปี 2524 ทราบว่าตี๋ใหญ่ เข้ามาป้วนเปี้ยนเที่ยวอยู่ในมหาชัย จ.สมุทรสาคร ที่สำคัญมีนัดหมายจะไปคุยกับลูกน้อง ที่อู่ซ่อมรถ จ.สมุทรสาคร วันที่ 26 ก.พ.2524 ทำให้ต้องรีบประชุมวางแผนทั้ง ตำรวจนครบาล ตำรวจภาค 7 และ ตำรวจภาค 1 ตอนแรกก็ไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากตี๋ใหญ่ ออกจากอู่ซ่อมรถไปตั้งแต่เช้า จึงเปลี่ยนแผนไปกระจายกำลังซุ่มดักรออยู่ ปากซอยวัดกาหลง ริมถนนธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) นอกจากนี้ยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบอีกชุด เฝ้าดักอยู่ถนนฝั่งตรงข้าม

เวลา 15.30 น. สายข่าว เดินออกมาจากแถววังกุ้งตรงข้ามปากซอยวัดกาหลง เพื่อมาเรียกหารถสองแถวรับจ้างให้เข้าไปส่งวัดธรรมโชติ โดยมี ชายรูปร่างสูงโปร่ง ใส่แว่นตาเรย์แบน สวมเสื้อลายสก๊อตพับแขน กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ หมวกผ้าลายพัทยาไทยแลนด์ พร้อมเพื่อนอีกคน ไม่ต้องบอกก็รู้ ชายเสื้อลายสก๊อต คือวายร้ายที่ตำรวจเฝ้าติดตามไล่ล่ามานาน 4 ปีเต็มๆ!!

ติดตามอ่าน ย้อนรอย 41 ปี ปิดตำนานจอมโจร “ตี๋ใหญ่” ตอนต่อไปจะเป็นเช่นไร หลังตำรวจติดตามไล่ล่าตี๋ใหญ่ อยู่นาน 4 ปีเต็ม จนมาเจอตัวในที่สุด

ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน